ธนารักษ์ เร่งประเมินราคาที่ดินทั่ว ปท.เผย กทม.“เพลินจิต-สยาม” พุ่ง ตร.ว.ละ 7 แสน “สีลม-พัฒนพงษ์-ธนิยะ” ยังครองแชมป์ “เยาวราช” ศักยภาพสูง ขณะที่ “หัวหิน-พัทยา” กระฉูดกว่า 50% เล็งประเมินราคาคอนโดฯ-ห้องชุด แบบต่อ ตร.ม.เพื่อให้สะท้อนความเป็นจริง
นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์กำลังเร่งเดินหน้าประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศจำนวน 29.3 ล้านแปลง แยกเป็น กทม.1.9 ล้านแปลง ต่างจังหวัด 27.4 ล้านแปลงใหม่ เพื่อให้ทันประกาศใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2555 ซึ่งในภาพรวมถือว่าเดินหน้ามาได้ 80-90% แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอผ่านคณะกรรมการประเมินที่ดินระดับจังหวัด เพื่อส่งต่อให้คณะกรรมการประเมินที่ดินส่วนกลางที่มีกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ซึ่งบางจังหวัดก็ส่งมาแล้ว
โดยเบื้องต้นพบว่า ราคาที่ดินในกรุงเทพฯ ที่มีการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ ย่านเพลินจิต พระรามที่ 1 ช่วงสถานีรถไฟฟ้าหน้าสยาม และห้างพารากอน มีการปรับราคาจากตารางวาละ 3.5-4.3 แสนบาท เป็น 7 แสนบาท ถือว่าเป็นการปรับเพิ่มขึ้นถึง 50-100% เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจใกล้เมือง ซึ่งอยู่ติดกับรถไฟฟ้าบีทีเอส และใกล้กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์
ขณะที่ ย่านถนนสีลม พัฒนพงษ์ ธนิยะ และบริเวณสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง มีการปรับราคาประเมินเพิ่มจาก 6.5 แสนบาทต่อตารางวา เป็น 7 แสนบาทต่อตารางวา หรือปรับเพิ่มขึ้น 5 หมื่นบาทต่อตารางวา เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานมากมาย เช่นเดียวกับย่านเยาวราชที่มีการปรับราคาที่ดินเพิ่มจาก 5.5 แสนบาทต่อตารางวา เป็น 7 แสนบาทต่อตารางวา เนื่องจากเป็นพื้นที่ธุรกิจการค้าและบริการที่มีศักยภาพสูง
สำหรับการปรับราคาที่ดินในต่างจังหวัด พบว่า ย่านหัวหิน และพัทยา มีการปรับราคาสูงขึ้นถึง 40-50% โดยเฉพาะที่ริมทะเล เนื่องจากที่ดินแถวนี้มีการพัฒนาในเชิงธุรกิจมาก มีการปลูกสร้างที่พักอาศัย ที่พักตากอากาศมาก ทำให้มีการพัฒนาในเชิงพาณิชย์สูง
นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ยังเข้าประเมินราคาคอนโดมิเนียมและห้องชุดแบบต่อตารางเมตร เพื่อให้สะท้อนความเป็นจริง ทั้งนี้ การประเมินราคาที่ใหม่จะมีผลต่อร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่คาดว่า จะมีการประกาศใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะผลต่อการจัดเก็บรายได้ของท้องถิ่นที่จะเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด ได้เปิดเผยรายงานทิศทางของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง โดย ทริส เรทติ้ง มองว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่องต่อไปจากปัจจัยเอื้ออำนวยต่างๆ อาทิ ภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแรง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น และการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยตลาดบ้านเดี่ยวน่าจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ในขณะที่ตลาดทาวน์เฮาส์น่าจะเติบโตในระดับที่ต่ำกว่าตลาดโดยรวมเมื่อพิจารณาจากจำนวนหน่วยเหลือขายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่วนยอดขายคอนโดมิเนียมในปี 2554 น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2553
ทั้งนี้ ทริส เรทติ้ง มองว่า ตลาดที่อยู่อาศัยน่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงในตลาดแนวราบ และการลดลงของกลุ่มผู้ซื้อเพื่อเก็งกำไรในตลาดคอนโดมิเนียม ส่วนนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ คือ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปลอดดอกเบี้ยนั้น ทริส เรทติ้ง มีความเห็นว่า น่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้เพียงในระยะสั้น ขณะที่นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มแรงกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อต้นทุนค่าก่อสร้าง โดยคาดว่าต้นทุนก่อสร้างจะปรับสูงขึ้นประมาณ 2-5%