xs
xsm
sm
md
lg

จับโชเฟอร์เชฟรอนฉกบัตรเดบิตรูดซื้อมือถือ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสัมภาส พุทธรักษา อายุ 39 ปี  ผู้ต้องหาลักบัตรเดบิต ไปรูดซื้อโทรศัพท์มือถือให้เมียใช้
กองปราบฯ ตามรวบคนขับรถเชฟรอนลักบัตรเดบิตเมียเจ้าของ นสพ.แนวหน้า ขณะเจ้าตัวลืมไว้ที่ตู้เอทีเอ็มหลังกดเงินสดจากบัตรแล้ว ด้านผู้ต้องหาอ้างจะไปโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม แต่เจอบัตรเลยเก็บไว้รอเจ้าของกลับมารับ เมื่อไม่มีเจ้าของย้อนกลับมาจึงลองเอาไปรูดซื้อมือถือเอาไปให้ภรรยาใช้

วันนี้ (21 ก.ย.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. สั่งการ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรพัฒน์ ธารีไทย สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายสัมภาส พุทธรักษา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 8 ต.ท่าน้ำอ้อย อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ อาชีพพนักงานขับรถบริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) สำรวจและผลิต จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1544/2554 ลงวันที่ 20 เมษายน 2554 ข้อหาลักทรัพย์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และ269/5 จับกุมได้ที่อาคาร 3 ไทยพาณิชย์ปาร์คพลาซ่า เลขที่ 19 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา น.ส.ศรัยรักษ์ ประยุกต์วงศ์ ภรรยากรรมการผู้จัดการบริษัท นสพ.แนวหน้า จำกัด ได้เข้าพบ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ลอบนำบัตรเดบิตธนาคารไทยพาณิชย์ของผู้เสียหายไปรูดซื้อสินค้า โดยวันเกิดเหตุผู้เสียหายได้นำบัตรเดบิตไปกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มภายในห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กทม. แล้วลืมบัตรไว้ที่ตู้ ต่อมาบัตรดังกล่าวถูกคนร้ายนำบัตรดังกล่าวไปรูดซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่นเอ็น 8 ราคา 12,900 บาท ที่ร้านเอ็มช็อปภายในห้างดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนสอบสวนกระทั่งทราบว่า คนร้ายรายนี้คือ นายสัมภาส จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวไว้ได้

สอบสวนนายสัมภาสให้การรับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุเตรียมจะไปโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม พบบัตรดังกล่าวคาอยู่ที่ช่องสอดบัตร เมื่อหยิบออกมาครั้งแรกก็คิดว่าหากเจ้าของบัตรรู้ตัวก็คงย้อนกลับมาหา ไม่ได้คิดจะนำไปใช้รูดซื้อสินค้าแต่อย่างใด แต่เมื่อเสร็จธุระแล้วก็ยังไม่พบเจ้าของบัตร จึงลองนำไปใช้ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซึ่งตนอยากได้มาก่อนหน้านี้แล้ว โดยถามพนักงานขายร้านที่เกิดเหตุว่าบัตรนี้สามารถใช้ซื้อของได้หรือไม่ ทางพนักงานขายจึงนำบัตรไปรูด พร้อมกับบอกว่ารูดไปแล้วก็เท่ากับชำระค่าสินค้า ตนจึงปล่อยเลยตามเลย

นายสัมภาสให้การต่อว่า หลังจากได้โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวตนก็นำไปให้ภรรยาซึ่งอยู่ที่ จ.ลพบุรี ไว้ใช้งาน ส่วนบัตรก็ทิ้งไปแล้วเมื่อพบว่าใช้งานไม่ได้อีก จากนั้นจึงกลับมาทำงานตามปกติ ก่อนจะมาถูกตำรวจจับกุมตัว

ต่อมาผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 50,000 บาท ขอประกันตัวในชั้นสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์ที่คิดจะหลบหนี จึงอนุญาตให้ประกันตัว ก่อนจะสรุปสำนวนคดีและนัดหมายผู้ต้องหาอีกครั้ง เพื่อส่งฟัองต่ออัยการต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น