เสี่ยหมู่บ้านจัดสรรร้องตำรวจกองปราบ ฝากเงินกับแบงก์กรุงเทพ สาขาผ่านฟ้าฯ จำนวน 2 ล้านบาท เป็นเวลา 10 ปี แต่เมื่อไปขอถอนกลับถุกปฏิเสธ อ้างข้อมูลหาย และเมื่อติดต่อไปยังสำนักงานใหญ่ ฝ่ายกฎหมายแบงก์ไม่รู้จักมธุรสวาจา กลับผรุสวาทใส่ แถมไล่ให้ไปฟ้องร้องเอาเอง เผยฝากไว้หลายแบงก์ไปเบิกไม่เคยมีปัญหา
วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายโชติชัย สิริกาญนุกูล อายุ 70 ปี อดีตเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรชื่อดังแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พงส.(สบ 3) กก.1 บก.ป. เพื่อขอคำปรึกษากรณีที่ฝากเงินจำนวน 2 ล้านบาทไว้กับธนาคารกรุงเทพ สาขาผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อปี 2527 แต่เพิ่งมาทำเรื่องเบิกเมื่อปี 2544 แต่ปรากฏว่าธนาคารแห่งนี้ปฏิเสธการถอนเงินดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารให้เหตุผลว่าทำข้อมูลหาย และเมื่อทวงถามความรับผิดชอบไปยังสำนักงานใหญ่ ฝ่ายกฎหมายของธนาคารแห่งนี้กลับพูดจาไม่ดี หนำซ้ำยังท้าไปให้ฟ้องร้องเอาเอง ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้นนายโชติชัยได้แจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.นางเลิ้ง เมื่อปี 2544 แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงเดินทางมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจาก บก.ป.
นายโชติชัยเปิดเผยว่า เมื่อ 30 ปีก่อนตนเปิด หจก.ทวีทรัพย์สรรพกิจ ประกอบกิจการรับสร้างบ้านและขายบ้านจัดสรร ช่วงนั้นมีผู้จัดการธนาคารต่างๆ หลายแห่งได้ร้องขอให้ตนช่วยนำเงินไปฝากที่สาขาธนาคารเพื่อให้ธนาคารมีเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งได้เปิดสมุดบัญชีเงินฝากไว้หลายสิบเล่ม เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารศรีนคร ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารกรุงเทพพาณิชการ ธนาคารออมสิน ส่วนธนาคารที่เกิดปัญหาขึ้นนั้นตนก็ได้ช่วยเหลือผู้จัดการสาขาของธนาคารแห่งนี้ไป โดยเปิดเป็นบัญชีประเภทเงินฝาก 12 เดือนทั้งสองเล่ม เล่มแรกฝากเงินไว้ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2527 จำนวน 500,000 บาท ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2527 จำนวน 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,000,000 บาท ส่วนอีกเล่มฝากเงินครั้งเดียว เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2527 จำนวน 1,000,000 บาท
นายโชติชัยกล่าวต่อว่า เมื่อมีการย้ายสำนักงาน ประกอบกับบริษัทมีเอกสารจำนวนมากทำให้หาสมุดบัญชีธนาคารไม่เจอ กระทั่งผ่านไปสิบกว่าปีจึงมานึกขึ้นได้ว่าเคยฝากไว้กับธนาคารหลายแห่งจึงให้ลูกๆ ช่วยกันหาจนพบสมุดบัญชีธนาคารหลายสิบเล่มที่ไม่ได้เบิกเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินที่ฝากไว้เกิน 10 ปีทั้งสิ้น จึงนำสมุดบัญชีไปติดต่อเบิกเงินจากธนาคารนั้นๆ ซึ่งทุกแห่งก็ให้เบิกถอนได้พร้อมกับคำนวณดอกเบี้ยให้ด้วย ยกเว้นเงินที่ฝากไว้กับธนาคารแห่งนี้ที่เบิกไม่ได้
นายโชติชัยกล่าวด้วยว่า ตอนที่นำสมุดบัญชีทั้งสองเล่มไปขอเบิกเงินออกมานั้น พบว่าที่สาขาดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการไปแล้ว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของตนแล้วกลับบอกแค่ว่าไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลของระบบเพียงเท่านี้ ซึ่งตนไม่อยากเชื่อว่าผ่านไป 27 ปี ธนาคารที่มาร้องขอให้ตนฝากเงินนั้นกลับถอนเงินของตัวเองไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีเอกสารครบถ้วน ประวัติเรื่องการเงินก็ไม่เคยเสียหาย ซึ่งในเรื่องนี้ตนได้แจ้งลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.นางเลิ้ง เมื่อปี 2544 แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าจึงมาขอคำปรึกษาจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม
เบื้องต้นนายโชติชัยไม่ได้มาแจ้งความดำเนินคดีใดๆ เพียงแต่มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอคำปรึกษาในการดำเนินการเบิกเงินจำนวนดังกล่าวจากธนาคารแห่งนี้ พ.ต.ท.พงษ์ไสวจึงได้ขอสำเนาสมุดบัญชีที่มีปัญหารวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง
วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายโชติชัย สิริกาญนุกูล อายุ 70 ปี อดีตเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรชื่อดังแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พงส.(สบ 3) กก.1 บก.ป. เพื่อขอคำปรึกษากรณีที่ฝากเงินจำนวน 2 ล้านบาทไว้กับธนาคารกรุงเทพ สาขาผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อปี 2527 แต่เพิ่งมาทำเรื่องเบิกเมื่อปี 2544 แต่ปรากฏว่าธนาคารแห่งนี้ปฏิเสธการถอนเงินดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารให้เหตุผลว่าทำข้อมูลหาย และเมื่อทวงถามความรับผิดชอบไปยังสำนักงานใหญ่ ฝ่ายกฎหมายของธนาคารแห่งนี้กลับพูดจาไม่ดี หนำซ้ำยังท้าไปให้ฟ้องร้องเอาเอง ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้นนายโชติชัยได้แจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.นางเลิ้ง เมื่อปี 2544 แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงเดินทางมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจาก บก.ป.
นายโชติชัยเปิดเผยว่า เมื่อ 30 ปีก่อนตนเปิด หจก.ทวีทรัพย์สรรพกิจ ประกอบกิจการรับสร้างบ้านและขายบ้านจัดสรร ช่วงนั้นมีผู้จัดการธนาคารต่างๆ หลายแห่งได้ร้องขอให้ตนช่วยนำเงินไปฝากที่สาขาธนาคารเพื่อให้ธนาคารมีเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งได้เปิดสมุดบัญชีเงินฝากไว้หลายสิบเล่ม เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารศรีนคร ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารกรุงเทพพาณิชการ ธนาคารออมสิน ส่วนธนาคารที่เกิดปัญหาขึ้นนั้นตนก็ได้ช่วยเหลือผู้จัดการสาขาของธนาคารแห่งนี้ไป โดยเปิดเป็นบัญชีประเภทเงินฝาก 12 เดือนทั้งสองเล่ม เล่มแรกฝากเงินไว้ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2527 จำนวน 500,000 บาท ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2527 จำนวน 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,000,000 บาท ส่วนอีกเล่มฝากเงินครั้งเดียว เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2527 จำนวน 1,000,000 บาท
นายโชติชัยกล่าวต่อว่า เมื่อมีการย้ายสำนักงาน ประกอบกับบริษัทมีเอกสารจำนวนมากทำให้หาสมุดบัญชีธนาคารไม่เจอ กระทั่งผ่านไปสิบกว่าปีจึงมานึกขึ้นได้ว่าเคยฝากไว้กับธนาคารหลายแห่งจึงให้ลูกๆ ช่วยกันหาจนพบสมุดบัญชีธนาคารหลายสิบเล่มที่ไม่ได้เบิกเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินที่ฝากไว้เกิน 10 ปีทั้งสิ้น จึงนำสมุดบัญชีไปติดต่อเบิกเงินจากธนาคารนั้นๆ ซึ่งทุกแห่งก็ให้เบิกถอนได้พร้อมกับคำนวณดอกเบี้ยให้ด้วย ยกเว้นเงินที่ฝากไว้กับธนาคารแห่งนี้ที่เบิกไม่ได้
นายโชติชัยกล่าวด้วยว่า ตอนที่นำสมุดบัญชีทั้งสองเล่มไปขอเบิกเงินออกมานั้น พบว่าที่สาขาดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการไปแล้ว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของตนแล้วกลับบอกแค่ว่าไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลของระบบเพียงเท่านี้ ซึ่งตนไม่อยากเชื่อว่าผ่านไป 27 ปี ธนาคารที่มาร้องขอให้ตนฝากเงินนั้นกลับถอนเงินของตัวเองไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีเอกสารครบถ้วน ประวัติเรื่องการเงินก็ไม่เคยเสียหาย ซึ่งในเรื่องนี้ตนได้แจ้งลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.นางเลิ้ง เมื่อปี 2544 แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าจึงมาขอคำปรึกษาจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม
เบื้องต้นนายโชติชัยไม่ได้มาแจ้งความดำเนินคดีใดๆ เพียงแต่มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอคำปรึกษาในการดำเนินการเบิกเงินจำนวนดังกล่าวจากธนาคารแห่งนี้ พ.ต.ท.พงษ์ไสวจึงได้ขอสำเนาสมุดบัญชีที่มีปัญหารวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง