xs
xsm
sm
md
lg

ร้อง ป.เร่งลากคอสาวแสบหลอกซื้อเรซินจ่ายเช็คเด้งเสียหาย 13 ล้าน!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ
ตัวแทนบริษัทโร่ร้องกองปราบ ถูกสาวแสบอ้างเป็นเจ้าของร้าน โทร.สั่งซื้อเรซิน เมื่อส่งของไปกลับจ่ายเช็คเด้ง 3.5 แสน และปิดร้านหลบหนี ขณะที่ ตร.เร่งรวบรวมหลักฐานขอนุมัติหมายจับ เบื้องต้นพบมีผู้เสียหาย 44 ราย มูลค่าความเสียหาย 13 ล้านบาท

วันนี้ (23 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม นายธนกฤต ประดิษฐ์แสงรังสี พนักงานบริษัท เอ็มเค โพลีเอสเตอร์ เรซิ่ง จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 188 ซอยเพชรเกษม 63 แขวงและเขตบางแค กทม.พร้อมด้วยผู้เสียหายซึ่งเป็นทั้งเจ้าของและตัวแทนบริษัท ซึ่งจำหน่ายสินค้าชนิดต่างๆ รวม 5 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผบก.ป.เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุม นางสุธาสินี เพชรเปี่ยมสุข เจ้าของร้านเอสทีเอ็น คอนสตรัคชั่น จำกัด เลขที่ 327/1-3 ถนนเศรษฐกิจ ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 205-207 และ 225/2554 ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์และความผิดตาม ตาม พ.ร.บ.เช็ค

นายธนกฤต กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นางสุธาสินี ได้โทรศัพท์ติดต่อมาที่บริษัทของตน เพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าประเภทเรซิน กระทั่งมีการตกลงซื้อขายสินค้าดังกล่าวเป็นมูลค่ารวม 3.5 แสนบาท ตนจึงส่งใบสั่งซื้อสินค้าทางโทรสาร และมีการตกลงซื้อขายพร้อมกับนำสินค้าไปส่งให้ที่ร้านของผู้ต้องหา จากนั้นทางผู้ต้องหาได้สั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระค่าสินค้าแทนเงินสด กำหนดขึ้นเงินกับธนาคารในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เป็นช่วงเวลาที่ธนาคารปิดทำการในวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เมื่อพ้นช่วงดังกล่าวแล้ว จึงพบว่าเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้

นายธนกฤต กล่าวต่อว่า ภายหลังเกิดปัญหาทางบริษัทได้ติดต่อไปยังผู้ต้องหา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ และเมื่อเดินทางไปยังร้านดังกล่าวก็พบว่าปิดทำการ โดยผู้ต้องหาหลบหนีไปแล้ว อย่างไรก็ดี ตนได้พบเจ้าของอาคารที่เคยถูกใช้เป็นหน้าร้านของผู้ต้องหา ทราบว่า มีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกฉ้อโกงเช่นเดียวกัน จึงได้เดินทางมาตามตัวผู้ต้องหา แต่ก็ไม่พบเช่นกัน ต่อมาได้เข้าแจ้งความกับตำรวจท้องที่ ซึ่งหนึ่งในผู้เสียหายที่แจ้งความไว้แล้ว ได้ออกติดตามแหล่งรับซื้อขายสินค้า จนพบสินค้าของบริษัทผู้เสียหายบางรายในโรงขายเหล็ก พื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ทั้งนี้ ทราบมาว่า ผู้ต้องหาได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลไปมาหลายครั้ง และขณะนี้มียอดผู้เสียหายถึง 44 ราย มูลค่าเสียหายประมาณ 13 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น