สาวแบงก์กรุงไทยร้อง “ปวีณา” ให้ช่วยเหลือ ถูกอดีตแฟนหนุ่มตามราวี หลังบอกเลิกเพราะทนพฤติกรรมขี้โมโห ติดยาเสพติด แถมขู่จะฆ่าทั้งครอบครัวหากบอกเลิก เข้าแจ้งความแต่คดีไม่คืบ กลับไม่หยุดพกปืนมาเคลียร์ที่ทำงาน แถมถีบกระจกประตูธนาคารแตก เจ้าตัวต้องหนีตายร้องปวีณาให้ช่วย
วานนี้ (10 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด พร้อมกับนางตะวันฉาย จือเหลียง อายุ 27 ปี พนักงานของธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดรวมใจ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองทองธานี ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเข้าพบกับ พ.ต.อ.อภิชาต เรือนทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ พ.ต.อ.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด เพื่อเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อนายอภิวิชญ์ พยุง อายุ 29 ปี อดีตแฟนหนุ่ม ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนข่มขู่บังคับไม่ให้ น.ส.ตะวันฉาย เลิกรา
น.ส.ตะวันฉายให้การว่า ได้เริ่มคบหากับนายอภิวิชญ์มาตั้งแต่ปี 50 โดยในช่วงแรกที่คบกันเป็นแฟนนายอภิวิชญ์เป็นคนดี พูดจาดูแลเอาใส่ใจเป็นอย่างดี จนกระทั่งต่อมาเมื่อปี 52 นายอภิวิชญ์แฟนหนุ่มหันไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดและเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ นอกจากจะกลายเป็นคนโมโหร้าย พูดจาไม่สุภาพแล้ว ยังลาออกจากงานและไม่ยอมหางานทำ และยังมาหยิบเอาเงินทองของตนไปใช้ เมื่อตนพยายามพูดจาหว่านล้อมให้นายอภิวิชญ์เลิกยุ่งเกี่ยวกัยยาเสพติดเพื่ออนาคตของชีวิตคู่ นายอภิวิชญ์ก็ไม่ยอมเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จนทำให้ตนเองยื่นคำขาดกับนายอภิวิชญ์ไปว่า หากไม่เลิกยาตนก็จะขอแยกทาง ทำให้นายอภิวิชญ์โกรธมากและข่มขู่ตนว่าหากเลิกกันเมื่อไหร่จะตามฆ่าพร้อมครอบครัว
น.ส.ตะวันฉายให้การต่ออีกว่า เคยหนีไปอยู่ที่บ้านเพื่อนในจังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ก็ยังถูกนายอภิวิชญ์ตามไปใช้อาวุธปืนไล่ยิงข่มขู่มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งได้ไปแจ้งความไว้ที่โรงพัก สภ.เมืองสมุทรสงคราม แต่เรื่องก็เงียบไป ทำให้ทุกครั้งที่เจอนายอภิวิชญ์ตนเองต้องฝืนใจแกล้งพูดจาทำดีกับนายอภิวิชญ์เพราะกลัวจะถูกทำร้าย แต่นายอภิวิชญ์ก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัยจะตามราวีเข้ามาร้ายตนเองถึงในธนาคารซึ่งเป็นที่ทำงาน ซึ่งตนก็เคยมาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ดมาแล้ว 2 ครั้ง แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ตนจึงตัดสินใจโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือจากทางมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ซึ่งทางมูลนิธิก็รับเรื่องไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ นายอภิวิชญ์ได้บุกมาหาตนที่ธนาคารอีก พร้อมกับนำอาวุธปืนออกมาข่มขู่ตนเองให้ออกมาหาที่หน้าธนาคารเพื่อจะพาตนกลับไปที่ห้องพักเพื่อจะตกลงกัน แต่ตนเองเกรงว่าจะถูกนายอภิวิชญ์ทำร้ายร่างกายอีก จึงวิ่งหลบหนีเข้ามาในธนาคาร สร้างความไม่พอใจให้นายอภิวิชญ์เป็นอย่างมาก นายอภิวิชญ์จึงขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูสีแดงส้ม ออกไป
น.ส.ตะวันฉายเล่าต่อว่า หลังจากที่นายอภิวิชญ์ขับรถออกไป ตนเองจึงรีบออกจากที่ทำงานเพื่อไปขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิปวีณาในทันที เพราะเกรงว่าจะถูกย้อนกลับมาทำร้าย จนกระทั่งเมื่อไปถึงมูลนิธิแล้วได้พบกับนางปวีณา นางปวีณาจึงพาตนเองเดินทางมาเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด และจากที่ตนเองหลบออกจากที่ทำงานไปขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิ ปรากฏว่านายอภิวิชญ์ได้ขับรถย้อนกลับมาหาตนเองที่ธนาคารอีกครั้ง แต่เมื่อไม่พบตนจึงรีบขับรถออกไปทันที จากนั้นประตูกระจกหน้าธนาคารจึงค่อยๆ แตกออกทั้งบาน ทางธนาคารจึงโทรศัพท์แจ้งให้จ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบว่า สาเหตุที่กระจกประตูแตกนั้นมาจากฝีมือของนายอภิวิชญ์หรือไม่
หลังรับแจ้งเหตุแล้ว พ.ต.อ.อภิชาต เรือนทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมด้วยนางปวีณา หงสกุลและ น.ส.ตะวันฉาย จือเหลียง ผู้เสียหาย ได้เดินทางไปยังธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดร่วมใจ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของ น.ส.ตะวันฉาย
จากการตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุหน้าธนาคาร เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบหัวกระสุนหรือปลอกกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งของทางธนาคารและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารเมืองทองธานีในที่เกิดเหตุ ไม่มีใครได้ยินเสียงปืนดังในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าบานประตูกระจกที่แตกนั้นอาจจะเกิดจากการที่นายอภิวิชญ์ใช้เท้าเตะเข้าที่ขอบประตูที่ทำด้วยอะลูมิเนียมก็เป็นได้ เนื่องจากพบรอยบุบของขอบอะลูมิเนียมที่จับกับขอบกระจกของประตู จนทำให้ประตูกระจกค่อยๆ เกิดอาการร้าวทีละนิด เมื่อนายอภิวิชญ์กลับออกไป ประตูจึงค่อยๆ ร้าวและแตกในที่สุด
พ.ต.อ.อภิชาติกล่าวว่า ในเบื้องต้นได้สั่งการให้ พ.ต.ต.วิชิต จันทร์เอี่ยม สว.สส.สภ.ปากเกร็ด นำหมายจับพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกติตดามตัวนายอภิวิชญ์มาดำเนินคดีตามที่ น.ส.ตะวันฉายได้แจ้งความไว้ โดยในเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกายเอาไว้ก่อน หากสอบสวนพบความผิดเพิ่มก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป