ศาลอาญายกฟ้อง “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หมิ่น “ปิยะพันธ์ จัมปาสุต” อดีตประธานบอร์ด ขสมก.ทุจริตเช่าซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ชี้ตรวจสอบตามหน้าที่รองประธานกรรมาธิการฯ
วันนี้ (3 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1944/2552 นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต อดีตประธานคณะกรรมการบริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เป็นโจทก์ฟ้องนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ภายหลังการประชุม กมธ. เพื่อพิจารณาเรื่องตรวจสอบการเช่ารถเมล์ปรับอากาศเอ็นจีวี ขสมก.จำนวน 4,000 คัน ทำนองว่ามีหลักฐานว่าโจทก์มีส่วนร่วมทุจริต และยังไม่เคารพสภาฯ หลังจากไม่เข้าชี้แจงตามคำเชิญ กมธ. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2-3 มิ.ย.52
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำตามหน้าที่รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำของข้าราชการ ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ ส่วนการให้ข่าวนั้นเป็นการให้ข่าวในที่ประชุมที่มีวาระต่อเนื่อง รวมถึงมีอยู่ในบันทึกรายงานการประชุม และจำเลยไม่ได้มีการบังคับให้สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็นนำเสนอข่าว แต่ที่สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็นเสนอข่าวออกไป เพราะสังคมให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวไม่ได้ถือเป็นการโฆษณา และการระบุว่าโจทก์ไม่เป็นข้าราชการที่ดีนั้น เป็นเพียงการตำหนิติเตียนที่โจทก์ไม่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง
วันนี้ (3 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1944/2552 นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต อดีตประธานคณะกรรมการบริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เป็นโจทก์ฟ้องนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ภายหลังการประชุม กมธ. เพื่อพิจารณาเรื่องตรวจสอบการเช่ารถเมล์ปรับอากาศเอ็นจีวี ขสมก.จำนวน 4,000 คัน ทำนองว่ามีหลักฐานว่าโจทก์มีส่วนร่วมทุจริต และยังไม่เคารพสภาฯ หลังจากไม่เข้าชี้แจงตามคำเชิญ กมธ. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2-3 มิ.ย.52
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำตามหน้าที่รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำของข้าราชการ ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ ส่วนการให้ข่าวนั้นเป็นการให้ข่าวในที่ประชุมที่มีวาระต่อเนื่อง รวมถึงมีอยู่ในบันทึกรายงานการประชุม และจำเลยไม่ได้มีการบังคับให้สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็นนำเสนอข่าว แต่ที่สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็นเสนอข่าวออกไป เพราะสังคมให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวไม่ได้ถือเป็นการโฆษณา และการระบุว่าโจทก์ไม่เป็นข้าราชการที่ดีนั้น เป็นเพียงการตำหนิติเตียนที่โจทก์ไม่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง
