00..."หากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้ นายจตุพร มีปัญหาแน่นอนหากไม่ไปใช้สิทธิ เพราะถือว่าขัดต่อกฎหมาย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่า กกต.จะต้องพิจารณาไม่ประกาศรับรองให้นายจตุพร เป็น ส.ส. เพราะหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติก็เป็นหน้าที่ของ กกต. ทันทีที่ นายจตุพร ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็ถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ทันทีเช่นกัน"
"โดยการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของนายจตุพร จะมีการพิจารณาเฉพาะเรื่องสมาชิกภาพเท่านั้น จะไม่มีการพิจารณาถึงเรื่องของคดีความที่ถูกกล่าวหาก่อการร้ายแต่อย่างใด เพราะว่าคดียังไม่สิ้นสุด ศาลยังไม่มีการตัดสินชี้ขาด ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าน่าจะได้รับการรับรองเป็น ส.ส.อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่า กกต.คนอื่นอีก 4 คนจะมีความคิดเห็นตรงกันหรือไม่"
นั่นคือคำพูดของ นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ที่ได้พูดในประเด็นข้อกฎหมาย ทำนายอนาคตของ"จตุพร พรหมพันธุ์"โดยได้พูดครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2554 ก่อนวันเลือกตั้ง ว่าเขาอาจหมดสิทธิเป็น ส.ส.
ภายใต้เหตุผลประเด็นข้อกฎหมาย“รัฐธรรมนูญมาตรา 100 กำหนดว่า ผู้ที่ถูกคุมขังโดยหมายของศาล หรือคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมาย เป็นผู้ต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะที่มาตรา 26 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง กำหนดว่าผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ต้องเสียสิทธิการสมัครรับเลือกตั้ง”
ถัดมา 27 ก.ค.2554 "สดศรี สัตยธรรม"เจ้าเก่า กลับเปลี่ยนท่าที พูดว่า "ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าน่าจะได้รับการรับรองเป็น ส.ส.อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่า กกต.คนอื่นอีก 4 คนจะมีความคิดเห็นตรงกันหรือไม่"
ส่วนเหตุผลว่าทำไม"เจ๊สด"จึงเปลี่ยนท่าที แบบหน้ามือ เป็นหลังเท้า เรื่องนี้ ตัวท่านเองเท่านั้น รู้ดีที่สุด!
00...ยังอยู่ที่เรื่องของ"จตุพร พรหมพันธุ์"ที่วันนี้ แม้เขาจะได้เป็น ส.ส.หรือไม่ก็ตามที แต่ภารกิจสำคัญของ"ธาริต เพ็งดิษฐ์"เจ้ากรม ดีเอสไอ ยังต้องเดินหน้าแจ้งข้อหาหมิ่นสถาบันฯ โดย"ธาริต"พูดชัดว่าวันที่ 17 ส.ค.นี้ จะนัด"จตุพร"และผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 19 คน มารับทราบข้อหา ส่วนผู้ถูกกล่าวหา จะใช้เอกสิทธิ ความเป็นผู้ทรงเกียรติในสภา หรือไม่ "ธาริต เพ็งดิษฐ์"ยังขอดูทิศทางลมก่อน
กล่าวคือ หากเปิดสภาก่อนวันนัด กำหนดเดิมอาจจะเปลี่ยน แต่หากถึงวันนัดแล้ว ยังไม่เปิดสภา ก็จะถือเอากำหนดเดิมไปก่อน
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปรองดอง ในการดำเนินคดี ส.ส.แกนนำแดง (ฐานล้มเจ้า) เพื่อความปลอดภัยในเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอแบบชัวร์ๆ ท่าน"ธาริต"น่าจะลองปรึกษาคนแจ้งความที่ชื่อ"พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา"ท่าน ผบ.ทบ.ว่าจะเอาอย่างไร เอาผิดคนหมิ่นสถาบันจริง หรือ แค่แจ้งความเล่นๆก็น่าจะดีนะครับ
เพราะเมื่อไปดูท่าทีของ ผบ.ทบ.มาดดุ ผู้นี้ ช่วงวัน สองวันที่ผ่านมา ท่านเริ่มจะอ่อนลง ถึงขั้นพูดโยนหินถามทาง ส่งซิกถึง รัฐบาลใหม่ ด้วยการวางบิลล่วงหน้าขอซื้อ ฮ.ตั้ง 30 ลำเชียวนะ!
00...ปิดท้ายที่คดีแปลก!!!...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อสำหรับเหตุรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก โดยเหตุเกิดวันที่ 12 มิ.ย.แต่คนก่อเหตุถูกแจ้งข้อหา พยายามฆ่า วันที่ 27 ก.ค.รวม 46 วันเต็มๆ ที่"พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน" รอง ผบช.น.ใช้เวลาในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน นอกจากนั้น ที่แปลกสุดๆคือ พ.อ.(พิเศษ) ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผอ.กองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย รับสารภาพว่าก่อเหตุ ท่ามกลางข้อสงสัยของสังคม ส่วน"พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน"เบื้องต้นก็ไม่เชื่อเช่นกัน
คดีนี้หลัง"อำนวย"จบภารกิจแจ้งความแล้ว เขายังได้พูดเปิดช่อง ต่อสะพานให้ผู้ต้องหานำไปใช้ต่อสู้ในศาลทหารไว้น่าคิดทีเดียว....กล่าวคือ"ขณะนี้หลักฐานทุกอย่างระบุชัดเจนแล้วว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ คือคนที่ขับรถชนหมอมุก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นการพุ่งชนอย่างรุนแรง ขณะที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้ให้การภาคเสธ โดยบอกว่าไม่มีเจตนาที่จะทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต"
สำหรับคดีนี้ อยากจะตั้งข้อสังเกตุในข้อพิรุธไว้ดังนี้
1.เกิดเหตุรถชนมีประชาชนเห็นจำนวนมาก แต่ขณะเกิดเหตุกลับปิดข่าวเงียบ และช่วงเช้าทหารนอกราชการยศ พล.อ.ไปที่ สน.
2.เกิดเหตุแล้ว 9 วัน จึงจะเป็นข่าว เพราะแม่หมอมุก ร้องเรียนสื่อว่าคดีไม่คืบ
3.หลังเป็นข่าว พ.อ.มาพบตำรวจอ้างว่า เป็นผู้ครอบครองรถ แต่ไม่ใช่คนขับรถ พร้อมบอกรถจอดทิ้งไว้ เพราะหม้อน้ำเสีย
4.วันถัดมา พ.อ.มาพบตำรวจ ให้การว่า ตัวเองเป็นคนชนหมอมุก
5.คดีนี้แปลกที่ พ.อ.มาแจ้งตำรวจว่าเป็นคนชน แต่ตำรวจยังไม่เชื่อ และไม่แจ้งข้อกล่าวหาในทันที
6.แม่หมอมุก ยืนยันว่า พ.อ.ไม่ใช่คนชน ต่อมาบอกว่า พอใจหลักฐานของตำรวจ
7.ถัดมาแม่หมอมุก ยืนยันว่า จะไม่มีการยอมความเด็ดขาด
8.ลูกสาว พ.อ.ทำไมจึงทิ้งเวลาในการให้ปากคำ และทำไมก่อนให้ปากคำต้องไปนั่งวิปัสนา ทำสมาธิ
9.วันที่ภรรยาและลูกสาว พ.อ.เข้าให้ปากคำ ทำไมทั้ง 2 ต้องปิดหน้าตา ทั้งไม่ใช่ผู้กระทำความผิด
10.ทำไม คดีนี้ผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ใช้เวลานานผิดปกติในการตรวจพิสูจน์
11.หลังลูกสาว พ.อ.เข้าให้ปากคำ "อำนวย"พูดเป็นนัยว่า ทุกคนน่าจะรู้ดีว่าตำรวจจะแจ้งข้อหาใคร
12.หากเปรียบเทียบกับคดี แพรวา ถือว่าคดีนี้ ผู้กระทำผิด มีจิต ใจโหดร้ายมาก มีเจตนาชนให้ตาย และ พ.อ.ซึ่งมีอายุตั้ง 51 ปีแล้ว แต่กลับตกเป็นทาสของอารมณ์ ถือว่า อันตรายมาก สำหรับกองทัพไทย ที่มีทหารระดับ ผอ.คุมกองพัน ใจร้อนเช่นนี้
13.สุดท้ายเมื่อตำรวจปิดคดีโดยแจ้งข้อหา พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ฐานพยายามฆ่า (แต่เปิดช่องให้สู้) จากนี้ไปคงต้องไปว่ากันในศาล ส่วนบทสรุปสุดท้าย คำพิพากษาจะออกมาอย่างไร สังคงต้องติดตาม!!!