เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! นักศึกษาวิทยาลัยการโรงแรมชื่อดัง ถูกรถแท็กซี่ปล่อยทิ้งกลางทางกลางดึก จนถูกกระชากกระเป๋า ซ้ำเมื่อไปแจ้งความที่ สน.โคกคราม ตำรวจบอกให้นั่งรอจนเผลอหลับแล้วถูกตำรวจลวนลามบนโรงพัก ขณะที่ ผกก.โรงพักระบุรู้ตัวสิบเวรที่ถูกกล่าวหาว่าลวนลามแล้ว แต่เจ้าตัวยังปฏิเสธ
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่สน.โคกคราม น.ส.หยี (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยการโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ภิเศก บุญจันทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.โคกครามว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้นั่งรถแท็กซี่ออกจากบ้านย่านซีคอนสแคว์ ศรีนครินทร์ เพื่อไปหารุ่นพี่ที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต หลังจากนั้น เวลาประมาณ 01.00 น.ได้เรียกรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน แต่ระหว่างทางโชเฟอร์รถแท็กซี่ได้จอดรถและปล่อยให้ลงกลางทางบริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นจุดไหน โดยอ้างว่าต้องไปส่งกะรถจึงไม่สามารถไปส่งยังจุดหมายได้ทัน
น.ส.หยีให้การต่อว่า ระหว่างที่เดินอยู่เลียบถนนรามอินทรานั้น มีคนร้ายขี่จักรยานยนต์มากระชากกระเป๋า ภายในมีเอกสารและบัตรต่างๆ พร้อมโทรศัพท์มือถือ และเงินสดจำนวน 400 บาทหลบหนีไป ขณะนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงเดินไปขอเงินจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าว เพื่อเป็นค่ารถไปแจ้งความ โดยชาวบ้านให้เงินมา 100 บาท
“เมื่อมาถึง สน.โคกคราม เวลาประมาณตี 3 หนูได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ แต่ตำรวจบอกให้รอร้อยเวรก่อน โดยไม่ได้รับแจ้งความไว้ ซึ่งระหว่างที่นั่งรออยู่นั้น มีตำรวจมาพูดเป็นทำนองว่า ไปรอที่ห้องพี่ไหม แต่ขณะนั้นไม่ได้คิดอะไร ยังคงนั่งรออยู่ที่เก่า” น.ส.หยีให้การ
น.ส.หยีให้การต่อว่า ขณะนั่งรอเพื่อแจ้งความต่อร้อยเวรนั้นกลับเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกครั้งเหมือนมีคนมาลูบคลำตามเนื้อตัวตั้งแต่หัวไหล่ หน้าอกลงไปถึงช่วงขา และเมื่องัวเงียลืมตาขึ้นมาเห็นตำรวจนายหนึ่งกำลังเอามือจับที่เป้ากางเกงของตนเอง ซึ่งเบื้องต้นจำชื่อตำรวจคนที่ลวนลามไม่ได้ แต่สามารถจดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำ ต่อมาด้วยความกลัวจึงไปนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตบนโรงพัก เพื่อติดต่อให้เพื่อนมารับในเวลา 06.30 น. แต่เพื่อนก็ไม่มารับ จึงเดินทางกลับบ้าน และนำความเข้าแจ้งเรื่องถูกกระชากกระเป๋าที่ สน.ประเวศ แต่ไม่ได้รับแจ้งความ เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในท้องที่ สน.ประเวศ
น.ส.หยีให้การต่อว่า ในวันนี้ได้นั่งรถแท็กซี่จากบ้านเพื่อจะมาแจ้งความอีกครั้ง และระหว่างทางได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับโชเฟอร์รถแท็กซี่ฟัง ทางโชเฟอร์รถแท็กซี่จึงแนะนำให้แจ้งเรื่องเบื้องต้นไปยังสถานีวิทยุ จส.100 ก่อน เพื่อประสานให้เข้ามาแจ้งความยัง สน.โคกครามในครั้งนี้ โดยเบื้องต้นได้แจ้งให้ดำเนินคดีต่อตำรวจนายดังกล่าวในข้อหากระทำอนาจาร หมิ่นประมาท และละเลยการปฏิบัติหน้าที่
หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.สราวุธ พาผู้เสียหายไปชี้ภาพตำรวจที่ห้องปฏิบัติการสายตรวจ แต่น.ส.หยีจำไม่ได้ จึงต้องมีการนัดมาชี้ตัวตำรวจที่สน.ทุกนายอีกครั้งว่าเป็นใครกันแน่ พร้อมกับเปิดกล้องซีซีทีวีให้สื่อมวลชนดูตั้งแต่เวลาที่ น.ส.หยีนั่งรถแท็กซี่เข้ามาที่สน. กระทั่งเดินทางออกไปจากสน. จากนั้น พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า หลังได้รับการประสานจากผู้เสียหายก็ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด พบว่าเหตุการณ์ต่างๆ กับคำกล่าวอ้างของผู้เสียหายนั้นมีความขัดแย้งกันอยู่ ทั้งเรื่องของเวลา และเรื่องที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ เพราะในภาพจะเห็นว่า พ.ต.ท.ภิเศก นั่งอยู่ที่โต๊ะและเดินไปมาหลายรอบ น.ส.หยีก็ไม่เข้าไปแจ้งความแต่อย่างใด จนร้อยเวรผลัดใหม่เข้ามาตอนเช้าก็ยังไม่เดินไปแจ้งความ แต่จะนั่งอยู่ที่เบาะ ในส่วนของห้องสิบเวรนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด จึงเป็นเรื่องของคน 2 คนที่จะต้องมีการสอบสวนและหาพยานหลักฐานมายืนยันกัน แต่จากกล้องที่ปรากฏจะเห็นว่ามีตำรวจเดินผ่านไปมาที่หน้าห้องสิบเวรหลายรอบ และผู้เสียหายเองก็เดินออกมาจากห้องสิบเวรมานั่งที่โซฟา ก่อนจะเข้าไปนั่งเล่นเน็ตที่ห้องสอบสวนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเวลาประมาณ 06.30 น. ก่อนผู้เสียหายจะเดินทางกลับไป ก็ยังไปนั่งเล่นกับสุนัขที่หน้าสน.อีกด้วย
ผกก.สน.โคกคราม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามหลังตรวจสอบทราบว่าตำรวจที่เข้าเวรวันนั้นคือ ด.ต.สุเทพ เปรมปรีดา สิบเวรหน้าห้องควบคุมขังเข้าเวรเพียงคนเดียว และจากการสอบถามด้วยวาจา ด.ต.สุเทพ ก็ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำการอย่างที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง และขณะนั่งยังนั่งห่างกันอีกด้วย หลังจากนี้จะต้องเรียก ด.ต.สุเทพ มาสอบปากคำพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาสอบอีกชุดหนึ่ง เพื่อหาข้อเท็จจริง แต่หากพบว่ากระทำผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด ซึ่งตนพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายไม่เลือกปฏิบัติอย่างแน่นอน
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่สน.โคกคราม น.ส.หยี (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยการโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ภิเศก บุญจันทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.โคกครามว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้นั่งรถแท็กซี่ออกจากบ้านย่านซีคอนสแคว์ ศรีนครินทร์ เพื่อไปหารุ่นพี่ที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต หลังจากนั้น เวลาประมาณ 01.00 น.ได้เรียกรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน แต่ระหว่างทางโชเฟอร์รถแท็กซี่ได้จอดรถและปล่อยให้ลงกลางทางบริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นจุดไหน โดยอ้างว่าต้องไปส่งกะรถจึงไม่สามารถไปส่งยังจุดหมายได้ทัน
น.ส.หยีให้การต่อว่า ระหว่างที่เดินอยู่เลียบถนนรามอินทรานั้น มีคนร้ายขี่จักรยานยนต์มากระชากกระเป๋า ภายในมีเอกสารและบัตรต่างๆ พร้อมโทรศัพท์มือถือ และเงินสดจำนวน 400 บาทหลบหนีไป ขณะนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงเดินไปขอเงินจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าว เพื่อเป็นค่ารถไปแจ้งความ โดยชาวบ้านให้เงินมา 100 บาท
“เมื่อมาถึง สน.โคกคราม เวลาประมาณตี 3 หนูได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ แต่ตำรวจบอกให้รอร้อยเวรก่อน โดยไม่ได้รับแจ้งความไว้ ซึ่งระหว่างที่นั่งรออยู่นั้น มีตำรวจมาพูดเป็นทำนองว่า ไปรอที่ห้องพี่ไหม แต่ขณะนั้นไม่ได้คิดอะไร ยังคงนั่งรออยู่ที่เก่า” น.ส.หยีให้การ
น.ส.หยีให้การต่อว่า ขณะนั่งรอเพื่อแจ้งความต่อร้อยเวรนั้นกลับเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกครั้งเหมือนมีคนมาลูบคลำตามเนื้อตัวตั้งแต่หัวไหล่ หน้าอกลงไปถึงช่วงขา และเมื่องัวเงียลืมตาขึ้นมาเห็นตำรวจนายหนึ่งกำลังเอามือจับที่เป้ากางเกงของตนเอง ซึ่งเบื้องต้นจำชื่อตำรวจคนที่ลวนลามไม่ได้ แต่สามารถจดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำ ต่อมาด้วยความกลัวจึงไปนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตบนโรงพัก เพื่อติดต่อให้เพื่อนมารับในเวลา 06.30 น. แต่เพื่อนก็ไม่มารับ จึงเดินทางกลับบ้าน และนำความเข้าแจ้งเรื่องถูกกระชากกระเป๋าที่ สน.ประเวศ แต่ไม่ได้รับแจ้งความ เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในท้องที่ สน.ประเวศ
น.ส.หยีให้การต่อว่า ในวันนี้ได้นั่งรถแท็กซี่จากบ้านเพื่อจะมาแจ้งความอีกครั้ง และระหว่างทางได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับโชเฟอร์รถแท็กซี่ฟัง ทางโชเฟอร์รถแท็กซี่จึงแนะนำให้แจ้งเรื่องเบื้องต้นไปยังสถานีวิทยุ จส.100 ก่อน เพื่อประสานให้เข้ามาแจ้งความยัง สน.โคกครามในครั้งนี้ โดยเบื้องต้นได้แจ้งให้ดำเนินคดีต่อตำรวจนายดังกล่าวในข้อหากระทำอนาจาร หมิ่นประมาท และละเลยการปฏิบัติหน้าที่
หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.สราวุธ พาผู้เสียหายไปชี้ภาพตำรวจที่ห้องปฏิบัติการสายตรวจ แต่น.ส.หยีจำไม่ได้ จึงต้องมีการนัดมาชี้ตัวตำรวจที่สน.ทุกนายอีกครั้งว่าเป็นใครกันแน่ พร้อมกับเปิดกล้องซีซีทีวีให้สื่อมวลชนดูตั้งแต่เวลาที่ น.ส.หยีนั่งรถแท็กซี่เข้ามาที่สน. กระทั่งเดินทางออกไปจากสน. จากนั้น พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า หลังได้รับการประสานจากผู้เสียหายก็ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด พบว่าเหตุการณ์ต่างๆ กับคำกล่าวอ้างของผู้เสียหายนั้นมีความขัดแย้งกันอยู่ ทั้งเรื่องของเวลา และเรื่องที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ เพราะในภาพจะเห็นว่า พ.ต.ท.ภิเศก นั่งอยู่ที่โต๊ะและเดินไปมาหลายรอบ น.ส.หยีก็ไม่เข้าไปแจ้งความแต่อย่างใด จนร้อยเวรผลัดใหม่เข้ามาตอนเช้าก็ยังไม่เดินไปแจ้งความ แต่จะนั่งอยู่ที่เบาะ ในส่วนของห้องสิบเวรนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด จึงเป็นเรื่องของคน 2 คนที่จะต้องมีการสอบสวนและหาพยานหลักฐานมายืนยันกัน แต่จากกล้องที่ปรากฏจะเห็นว่ามีตำรวจเดินผ่านไปมาที่หน้าห้องสิบเวรหลายรอบ และผู้เสียหายเองก็เดินออกมาจากห้องสิบเวรมานั่งที่โซฟา ก่อนจะเข้าไปนั่งเล่นเน็ตที่ห้องสอบสวนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเวลาประมาณ 06.30 น. ก่อนผู้เสียหายจะเดินทางกลับไป ก็ยังไปนั่งเล่นกับสุนัขที่หน้าสน.อีกด้วย
ผกก.สน.โคกคราม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามหลังตรวจสอบทราบว่าตำรวจที่เข้าเวรวันนั้นคือ ด.ต.สุเทพ เปรมปรีดา สิบเวรหน้าห้องควบคุมขังเข้าเวรเพียงคนเดียว และจากการสอบถามด้วยวาจา ด.ต.สุเทพ ก็ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำการอย่างที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง และขณะนั่งยังนั่งห่างกันอีกด้วย หลังจากนี้จะต้องเรียก ด.ต.สุเทพ มาสอบปากคำพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาสอบอีกชุดหนึ่ง เพื่อหาข้อเท็จจริง แต่หากพบว่ากระทำผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด ซึ่งตนพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายไม่เลือกปฏิบัติอย่างแน่นอน