“หมอมุก” กลับฟื้นคืนเกือบเป็นปกติ คาด 1-2 เดือนน่าจะพูดได้เป็นประโยค ขณะที่แม่หมอมุกยันเหตุที่เกิดขึ้นกับลูกสาวเป็นการพยายามฆ่าแน่นอน เพราะมีเจตนาทำร้ายจนถึงชีวิต ลั่นจะดำเนินการให้ถึงที่สุด วอนตำรวจจับคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีให้ได้ ชี้หากแจ้งข้อหาคนที่ไม่ใช่คงต้องปรึกษาทนายจะทำเช่นไรต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แม่หมอมุก ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (12 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่หอผู้ป่วยศัลยกรรมพิเศษ 14/2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา รพ.พระมงกุฎเกล้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทีมกายภาพบำบัด ได้พา พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก เดินออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยมีการฝึกเดินสไลด์ด้านข้าง การฝึกกำลังแขนด้วยการดึงยางยืด ทั้งยังใช้ถุงทรายไว้ที่ข้อเท้าหนักข้าง 1 กิโลกรัม เพื่อเพิ่มกำลังในการเดิน ซึ่งหมอมุกสามารถทำตามขั้นตอนการฝึกนานประมาณ 30 นาทีได้เป็นอย่างดี โดยมี พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา แม่หมอมุกคอยให้กำลังใจไม่ห่าง โดยหมอมุกมีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา จากนั้นยังสาธิตการเปิดหนังสือพิมพ์ การเล่นเกมบนไอแพด เขียนชื่อนามสกุลของตนเอง ชี้รูปถ่ายตนเองให้กับสื่อมวลชนดูด้วย
พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน รพ.พระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า ตอนนี้อาการหมอมมุกกลับมาจนเกือบเป็นปกติแล้ว โดยสามารถรับประทานอาหารได้เอง เดินได้เอง เข้าห้องน้ำ แปรงฟัน หวีผม ติดกระดุมเสื้อ ส่วนเรื่องปัสสาวะไม่มีปัญหาสามารถปัสสาวะเองได้ โดยล่าสุดได้ถอดท่อปัสสาวะออกแล้ว ขับถ่ายและชำระล้างเองได้ การเคลื่อนไหวก็สามารถทำได้ดี จึงได้เพิ่มน้ำหนักถ่วงที่ขาเพื่อเพิ่มกำลังขา และกำลังฝึกการเคลื่อนไหวร่างกายที่ซับซ้อนมากขึ้นเช่นการเดินสไลด์ด้านข้าง การหมุนตัว
พ.อ.นพ.พีระพลกล่าวว่า ส่วนการพูดจาน่าจะเวลาประมาณ 1-2 เดือน น่าจะพูดได้หลายคำหรือเป็นประโยคได้ ซึ่งยังพบว่าหมอมุกเคยกดโทรศัพท์หาเพื่อนด้วยตนเองแต่พูดได้เพียงแค่คำว่าพี่ แต่เรื่องความจำการกระทำที่ซับซ้อนคงต้องรอเวลาให้ค่อยคืนกลับมา เพราะหมอมุกอายุ 34 ปี มีประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ต้องรอการประมวลความทรงจำให้ค่อยคืนกลับมา ส่วนปฏิกิริยาบางอย่างก็เกิดจากทักษะเดิม ซึ่งเมื่อการทำงานร่างกายเริ่มกลับมาก็สามารถทำเองได้โดยอัตโนมัติ เช่น การเล่นเกมบนไอแพด ส่วนเรื่องตำรวจที่มาพบแพทย์เพื่อสอบถามอาการหมอมุกนั้นไม่ได้มีการทำหนังสือ แต่ไม่ได้มาพบตน แต่มาถามอาการกับแพทย์คนอื่นแทน
ด้าน พญ.พรรณกร กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ออกมากล่าวว่าจะเรียกแม่หมอมุกไปสอบเพิ่มเติมว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อมา แต่หากทางตำรวจติดต่อมาเพื่อขอสอบเพิ่มก็จะประสานกับสภาทนายความและเข้าให้ปากคำพร้อมทนาย
ส่วนกรณีที่ทางตำรวจยังไม่มีความชัดเจนในการแจ้งข้อหาต่อผู้ขับรถชนหมอมุก พญ.พรรณกรกล่าวยืนยันว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการพยายามฆ่าหมอมุกอย่างแน่นอน เพราะคนขับรถชนมีพฤติกรรมมุ่งทำร้ายหมอมุกจนถึงชีวิต โดยมีการจอดรถรอฝั่งตรงข้าม และเจตนาขับรถพุ่งชนจนต้องมีผู้ชาย 3 คนกระโดดเข้ามาช่วยหมอมุก รถคันดังกล่าวจึงขับหนีไป
“อยากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะหากปล่อยให้คนร้ายลอยนวลเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะออกไปทำร้ายคนอื่นอีกเท่าไร อย่างไรก็ตาม แม่จะดำเนินการให้ถึงที่สุดเพราะกว่าแม่จะเลี้ยงหมอมุกมาจนเป็นหมอ ให้เป็นคนเสียสละ ต้องใช้เวลาในการดูแลปลูกฝังหลายสิบปี เราต้องการคนร้ายตัวจริง หากแจ้งข้อหาคนที่ไม่ใช่ แม่คงต้องปรึกษาทนายว่าจะดำเนินอย่างไร” พญ.พรรณกรกล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แม่หมอมุก ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (12 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่หอผู้ป่วยศัลยกรรมพิเศษ 14/2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา รพ.พระมงกุฎเกล้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทีมกายภาพบำบัด ได้พา พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก เดินออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยมีการฝึกเดินสไลด์ด้านข้าง การฝึกกำลังแขนด้วยการดึงยางยืด ทั้งยังใช้ถุงทรายไว้ที่ข้อเท้าหนักข้าง 1 กิโลกรัม เพื่อเพิ่มกำลังในการเดิน ซึ่งหมอมุกสามารถทำตามขั้นตอนการฝึกนานประมาณ 30 นาทีได้เป็นอย่างดี โดยมี พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา แม่หมอมุกคอยให้กำลังใจไม่ห่าง โดยหมอมุกมีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา จากนั้นยังสาธิตการเปิดหนังสือพิมพ์ การเล่นเกมบนไอแพด เขียนชื่อนามสกุลของตนเอง ชี้รูปถ่ายตนเองให้กับสื่อมวลชนดูด้วย
พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน รพ.พระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า ตอนนี้อาการหมอมมุกกลับมาจนเกือบเป็นปกติแล้ว โดยสามารถรับประทานอาหารได้เอง เดินได้เอง เข้าห้องน้ำ แปรงฟัน หวีผม ติดกระดุมเสื้อ ส่วนเรื่องปัสสาวะไม่มีปัญหาสามารถปัสสาวะเองได้ โดยล่าสุดได้ถอดท่อปัสสาวะออกแล้ว ขับถ่ายและชำระล้างเองได้ การเคลื่อนไหวก็สามารถทำได้ดี จึงได้เพิ่มน้ำหนักถ่วงที่ขาเพื่อเพิ่มกำลังขา และกำลังฝึกการเคลื่อนไหวร่างกายที่ซับซ้อนมากขึ้นเช่นการเดินสไลด์ด้านข้าง การหมุนตัว
พ.อ.นพ.พีระพลกล่าวว่า ส่วนการพูดจาน่าจะเวลาประมาณ 1-2 เดือน น่าจะพูดได้หลายคำหรือเป็นประโยคได้ ซึ่งยังพบว่าหมอมุกเคยกดโทรศัพท์หาเพื่อนด้วยตนเองแต่พูดได้เพียงแค่คำว่าพี่ แต่เรื่องความจำการกระทำที่ซับซ้อนคงต้องรอเวลาให้ค่อยคืนกลับมา เพราะหมอมุกอายุ 34 ปี มีประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ต้องรอการประมวลความทรงจำให้ค่อยคืนกลับมา ส่วนปฏิกิริยาบางอย่างก็เกิดจากทักษะเดิม ซึ่งเมื่อการทำงานร่างกายเริ่มกลับมาก็สามารถทำเองได้โดยอัตโนมัติ เช่น การเล่นเกมบนไอแพด ส่วนเรื่องตำรวจที่มาพบแพทย์เพื่อสอบถามอาการหมอมุกนั้นไม่ได้มีการทำหนังสือ แต่ไม่ได้มาพบตน แต่มาถามอาการกับแพทย์คนอื่นแทน
ด้าน พญ.พรรณกร กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ออกมากล่าวว่าจะเรียกแม่หมอมุกไปสอบเพิ่มเติมว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อมา แต่หากทางตำรวจติดต่อมาเพื่อขอสอบเพิ่มก็จะประสานกับสภาทนายความและเข้าให้ปากคำพร้อมทนาย
ส่วนกรณีที่ทางตำรวจยังไม่มีความชัดเจนในการแจ้งข้อหาต่อผู้ขับรถชนหมอมุก พญ.พรรณกรกล่าวยืนยันว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการพยายามฆ่าหมอมุกอย่างแน่นอน เพราะคนขับรถชนมีพฤติกรรมมุ่งทำร้ายหมอมุกจนถึงชีวิต โดยมีการจอดรถรอฝั่งตรงข้าม และเจตนาขับรถพุ่งชนจนต้องมีผู้ชาย 3 คนกระโดดเข้ามาช่วยหมอมุก รถคันดังกล่าวจึงขับหนีไป
“อยากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะหากปล่อยให้คนร้ายลอยนวลเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะออกไปทำร้ายคนอื่นอีกเท่าไร อย่างไรก็ตาม แม่จะดำเนินการให้ถึงที่สุดเพราะกว่าแม่จะเลี้ยงหมอมุกมาจนเป็นหมอ ให้เป็นคนเสียสละ ต้องใช้เวลาในการดูแลปลูกฝังหลายสิบปี เราต้องการคนร้ายตัวจริง หากแจ้งข้อหาคนที่ไม่ใช่ แม่คงต้องปรึกษาทนายว่าจะดำเนินอย่างไร” พญ.พรรณกรกล่าว