ผอ.ยุทธการ 315 พอใจผลงานปราบปรามยาเสพติด และผลการนำผู้เสพยาเข้าบำบัดได้ผลเกินคาด ชี้ข้อมูลทั้งหมดทำสรุปเสนอรัฐบาลชุดใหม่ได้ เพราะถือเป็นจุดแข็งนำขบวนการปราบยาเสพติด เตรียมร่วมทำงานกับศูนย์ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดและคดีอาชญากรรมสำคัญ โดยเปิดศูนย์เป็นทางการจันทร์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะ ผอ.กองอำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล (กอ.ฉก.ปส.315) เป็นประธานการประชุมส่วนบังคับบัญชา เพื่อ สรุปผลการทำงานในภาพรวมตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. - 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.
พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดย กอ.ฉก.ปส.315 เป็นไปด้วยดี เราทำงานทั้งป้องกันและปราบปราม โดยสามารถนำผู้เสพยาในการบำบัดรักษาอาการติดยาเสพติดได้ประมาณกว่า 700 คน จับกุมยาเสพติดเพิ่มกว่า 4 เท่า ถ้าเทียบสถิติการจับกุมปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหากสรุปเป็นเปอร์เซ็นต์การนำผู้ติดยาเสพติดมาบำบัดยังน้อยอยู่มาก เพราะปัญหาในการโน้มน้าวให้ผู้ที่ติดยาเสพติดยังคงเป็นการบังคับบำบัดให้เข้าสู่กระบวนการรักษา ส่วนการบำบัดโดยสมัครใจนั้นยังน้อยอยู่ แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่มีผู้ปกครองเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น เนื่องจากเริ่มมีความไว้วางใจมากขึ้น
“ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้สามารถทำสรุปและนำเสนอไปยังรัฐบาลชุดใหม่ได้ เพราะถือเป็นจุดแข็งหากนำกระบวนการปราบปรามจับกุมแล้ว ต้องใช้วิธีการรักษาผู้ติดยาเสพติดด้วยการบำบัด ซึ่งมันก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ถือว่าคุ้ม ถ้าจะขยายพื้นที่ในการดูแลทุกจังหวัด ยกตัวอย่าง มีผู้ติดยาเสพติดอยู่ทั้งหมด 7 แสนราย และเราสามารถนำเข้าสู่ระบบบำบัดได้ พร้อมกับการป้องกันปราบปรามด้วย โดยผู้เสพไม่มีความต้องการยาอีก” พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าว
พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวอีกว่า สำหรับยุทธการ 315 ยังคงดำเนินอยู่จนถึง 30 ก.ย. ตามแผนเดิม โดยมีเป้าหมายเข้าถึงผู้เสพ 1 แสนหลังคาเรือน จากพื้นที่ 5 จังหวัด ที่ยุทธการดังกล่าว ดูแลอยู่ อย่างไรก็ดี หลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งมาแล้วเชื่อว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือนจะไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย และยุทธการ 315 จะยังเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดและคดีอาชญากรรมสำคัญ ซึ่ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เตรียมเปิดศูนย์ในวันจันทร์ ที่ 11 ก.ค.นี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระยะการดำเนินการแผนยุทธการ 315 เป็นเวลากว่า 2 เดือน (เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ค.) สามารถจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญได้ 29 คดี ผู้ต้องหา 53 คน พร้อมของกลางยาบ้า 2,639,990 เม็ด ยาไอซ์ประมาณ 64 กก. เฮโรอีน 7 กก. เอ็กซ์ตาซี 1,090 เม็ด ยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟครีน ซึ่งใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้าและยาไอซ์ 5,919,820 เม็ด ในจำนวนนี้เป็นยาแก้หวัดดังกล่าวที่ลักลอบส่งมาจากเกาหลีใต้ มาพักไว้ในพื้นที่ปริมณฑลจำนวน 5 ล้านเม็ด ที่เหลืออีก 919,820 เม็ด เป็นยาแก้หวัด ที่ผลิตในประเทศไทยที่สามารถซื้อได้จากร้านค้าภายในประเทศ