ผู้เสียหายขึ้นโรงพักแจ้งจับบริษัทตุ๋นแรงงานไทยอ้างพาไปทำงานที่อิสราเอล-แคนาดา เรียกเก็บค่านายหน้าก่อนปิดบริษัทเชิดเงินหนี
วันนี้ (6 ก.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศจำนวน 26 คนเดินทางมาเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.ปัญญา ไอยราคม สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์ ว่าถูกนายเอกพล รัตนดำรง เจ้าของบริษัทไทยโอเอเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และนางวิลาวัณย์ จันทะวงษ์ หุ้นส่วนของบริษัทหลอกเรียกเก็บเงินจากการรับสมัครคนงานเพื่อเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศแล้วปิดบริษัทหนี
น.ส.สวัสดิ์ หาวิชา อายุ 30 ปี หนึ่งในผู้เสียหายให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนหน้านี้เคยไปสมัครหางานไว้กับกระทรวงแรงงานเพื่อเดินทางไปทำงานต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถูกกระทรวงแรงงานเรียกตัว กระทั่งต่อมาตนเองได้รับไปรษณียบัตรจากบริษัท ไทยโอเอเอ็นเตอร์ไพรส์ ว่ากำลังรับสมัครแรงงานไทยไปทำงานฟาร์มเห็ด ฟาร์มไก่ ที่ประเทศอิสราเอลและแคนาดา โดยผู้ที่สนใจหลังกรอกเอกสารครบและมีเงินเพียง 25,000 บาทก็สามารถเดินทางไปทำงานต่างประเทศได้ทันที
ตนเองที่กำลังมีความสนใจจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศจึงหลงเชื่อโทรศัพท์ติดต่อกลับไปหาบริษัทดังกล่าวและถูกเรียกให้เข้ามาคุยเรื่องสัญญาเอกสารที่บริษัท จึงต้องเดินทางจากต่างจังหวัดเข้าที่บริษัทดังกล่าว เมื่อมาถึงก็พบว่าบริษัทดูหน้าเชื่อถือเพราะมีชาวต่างชาติเป็นฝรั่ง 2 คน และชาวอาหรับ 1 คนนั่งประชุมพูดคุยกันอยู่ โดยมีล่ามคนไทยช่วยแปลภาษาให้และเมื่อสอบถามกับนายเอกพล เจ้าของบริษัทว่าบริษัทแห่งนี้เปิดถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ นายเอกพลบอกว่าได้จดทะเบียนไว้กับกระทรวงแรงงานเรียบร้อยแล้ว สามารถตรวจสอบได้ตนจึงเชื่อใจนำเงินสดที่กู้หนี้ยืมสินมาจำนวน 8 หมื่นบาทให้กับทางบริษัทเพื่อทำสัญญาในการเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยนายเอกพลบอกว่า เมื่อถึงเวลาวันที่ 4 ก.ค.จะมีรถตู้ไปรับมารวมกับคนอื่นๆ ที่บริษัทก่อนจะขึ้นเครื่องไปทำงานพร้อมกันแต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันเวลาเวลานัดหมายกลับไร้วี่แววด้วยความสงสัยตนจึงโทรเข้ามาที่บริษัทก็พบพนักงานของบริษัทคนหนึ่งบอกให้เข้าที่บริษัทได้เลย แต่เมื่อตนมาถึงในวันที่ 5 ก.ค.ก็พบว่าบริษัทได้ปิดกิจการและขนย้ายข้าวของออกไปหมดแล้วจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก และได้พบกับคนที่ถูกหลอกอีกหลายรายจึงปรึกษากันและรวมตัวมาเข้าแจ้งความในวันนี้
ด้าน นายสง โสดาวิชิต หนึ่งในแรงงานที่ถูกหลอก กล่าวว่า ได้นำเงินสดจำนวน 2.2 แสนบาทเข้ามาทำสัญญาเดินทางไปทำงานต่างประเทศกับบริษัทดังกล่าวเพราะเห็นว่าหากต้องทำเรื่องกู้ยืมเงินกับทางบริษัทเพื่อจะไปทำงานจะต้องทำสัญญากู้ยืมและเสียเงินให้กับบริษัทเป็น 2.5 แสนบาท จึงรวบรวมเงินหยิบยืมญาติพี่น้องมาได้ 2.2 แสนบาทมาจ่ายเป็นค่าเดินทางไปทำงาน เพราะคิดว่าหากได้ไปทำงานที่อิสราเอลแล้วจะมีเงินมาใช้คืนญาติพี่น้อง แต่สุดท้ายพอถึงวันนัดหมายเดินทางจากต่างจังหวัดเพื่อไปสนามบินก็ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งเมื่อเข้ามาดูที่บริษัทด้วยตนเองก็พบว่าบริษัทดังกล่าวได้ปิดตัวไปแล้ว ส่วนชายฝรั่งและอาหรับที่พบในบริษัทนั้นน่าจะถูกหลอกมาจัดฉากสร้างความน่าเชื่อถือกับพวกตน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความไว้ก่อนติดตามตัวผู้ต้องหามาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
