xs
xsm
sm
md
lg

คดีหมอมุกส่อยื้อ! ตร.ชี้ลูกสาว “พ.อ.” เป็นเพียงตัวละคร-มึนมองไม่เห็นเหตุผลรับผิดแทนลูก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น” นำกล้องถ่ายรูปพร้อมเสื้อผ้าที่สวมใส่ของครอบครัวในวันเกิดเหตุมอบให้พนักงานสอบสวน ยังยืนยันเป็นคนขับชนหมอมุก ส่วนลูกสาวยังไม่พร้อมเข้าให้ปากคำ ขณะที่ตำรวจบอกยังไม่รีบร้อนออกหมายเรียก ชี้ผลตรวจสอบหลักฐานจาก พฐ.ออกบ่ายนี้ ขณะที่ “พ.อ” พาแม่เข้าเยี่ยมหมอมุก แต่ตัวเองไม่กล้าขึ้นไป ส่วนแม่ พ.อ.ยินดีรับผิดชอบครอบครัวเต็มที่ เพราะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ดี และมอบพระแก้วมรกตให้หมอมุกด้วย

วันนี้ (28 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 ที่ สน.พญาไท พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ผู้ที่เข้ามอบตัวโดยอ้างตัวเป็นคนขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร หรือหมอมุก อิ่มวิทยา แพทย์ รพ.พระมงกุฎเกล้า พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ พสุธาพรหม ทนายความ และนายทหารพระธรรมนูญ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท และพ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร พร้อมกับนำหลักฐานเป็นกล้องดิจิตอลยี่ห้อแคนนอน รุ่น IXUS 75 ที่ใช้ถ่ายภาพ พ.ต.พญ.หทัยพร และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุของครอบครัวมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

พ.ต.อ.สมานเปิดเผยว่า ตนได้ทำหนังสือแจ้งไปถึง พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ให้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับให้นำหลักฐานเป็นกล้องถ่ายภาพ เสื้อผ้าของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภรรยา และลูกสาวที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุมามอบให้ เพื่อส่งไปให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ แต่เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.) พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์บอกว่าขอเดินสายทำบุญก่อน และขอเดินทางมาในวันนี้แทน ซึ่งการเดินทางมาของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ในฐานะผู้ให้ถ้อยคำเหมือนเดิม ยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เสียก่อน เพื่อชี้ชัดว่าใครเป็นคนขับ ส่วนลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ติดต่อเข้าให้ปากคำ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลูกสาวเป็นตัวละครที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์อ้างถึง ดังนั้นจึงต้องให้ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ พาเข้ามาให้ปากคำ

พ.ต.อ.สมานกล่าวอีกว่า หากลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่เดินทางมาตนคิดว่าไม่น่าจะต้องออกหมายเรียก เนื่องจากไม่ได้มีความสำคัญอะไรขนาดนั้น และไม่ได้รีบร้อนอะไร ส่วนกรณีที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์กันว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ออกมารับผิดแทนลูกสาวหรือรับผิดแทนผู้มีพระคุณนั้น ตนยังมองไม่เห็นเหตุผลว่าตัว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์จะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร ซึ่งที่สำคัญผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ชัดเจน ไม่สามารถระบุได้ว่าใครคือผู้ที่ขับรถตัวจริง ส่วนเรื่องที่มีคนโทรศัพท์ข่มขู่ไปที่โรงพยาบาลขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ สำหรับการนำกำลังไปคอยรักษาความปลอดภัยยังไม่มี ซึ่งมีเพียงสายสืบนอกเครื่องแบบที่คอยแวะเวียนไปหาข่าว และมีตำรวจคอยไปรับและไปส่ง พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา แม่หมอมุกเวลาเดินทาง เนื่องจากตนห็นว่าอายุมากแล้วจะเดินทางลำบาก อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งตนและพนักงานสอบสวนไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร แม้คดีนี้จะอยู่ในกระแสความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชน

ด้าน พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์เปิดเผยว่า ก่อนที่ตนจะเดินทางเข้ามาที่ สน.พญาไท ตนและมารดาพร้อมทนายความได้เดินทางไปเยี่ยมหมอมุกที่ รพ.พระมงกุฎเกล้ามาด้วย แต่ตนไม่ได้ขึ้นไปเพราะกลัวว่าคนจะมองไม่ดี มีแต่แม่ที่เข้าไปเยี่ยมและพูดคุยกับแม่ของหมอมุก ซึ่งในวันนี้ตนได้นำหลักฐานเป็นกล้องถ่ายภาพดิจิตอลยี่ห้อแคนนอน พร้อมด้วยเสื้อผ้าของตน ภรรยา และลูกสาวที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อนำไปประกอบหลักฐาน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าไม่ได้รับผิดแทนใคร และถามถึงกรณีของลูกสาวว่าเหตุใดจึงยังไม่มาให้ปากคำ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ส่ายหน้าและตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆ ว่าเป็นคนขับรถเอง ส่วนลูกสาวยังไม่พร้อมที่จะพามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน และไม่รู้สึกกดดันเพราะทุกอย่างก็ดำเนินไปตามที่เป็น

ด้าน นายอนุสรณ์ ทนายความ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ และมารดาได้เดินทางไปเยี่ยมหมอมุกเพื่อให้กำลังใจขอให้หายเร็วๆ โดยแม่ของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ได้เดินทางมาจาก จ.ลำพูน เพราะเห็นข่าวจากสื่อมวลชนแล้วรู้สึกไม่สบายใจ โดยมารดาของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์อยากเดินทางมาเยี่ยมตั้งนานแล้ว แต่เห็นว่ายังอยู่ห้องไอซียูกลัวว่าจะมารบกวน จึงเดินทางมาในช่วงที่หมอมุกอาการดีขึ้นแล้ว นอกจากนี้ มารดาของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ยังได้มอบพระประธานซึ่งเป็นพระแก้วมรกตให้แก่หมอกมุกด้วย อีกทั้งยินดีที่จะรับผิดชอบและบรรเทาทุกข์ของครอบครัวหมอมุกอย่างเต็มที่เนื่องจากเข้าใจหัวอกของคนที่เป็นแม่ดี

ด้าน พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 เปิดเผยว่า วันนี้เท่าที่ทราบ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อนำหลักฐานมามอบให้เพิ่มเติม ส่วนกรณีของลูกสาวและเพื่อนยังไม่ได้ติดต่อกับทางตำรวจว่าจะมาให้ปากคำวันไหน เนื่องจากกลัวกองทัพสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว ส่วนกรณีการสอบปากคำของหมอกมุกต้องรอให้แข็งแรงก่อน และจะต้องสอบถามกับทีมแพทย์ด้วยว่าสามารถเข้าสอบปากคำได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นพยานปากสำคัญ ซึ่งเบื้องต้นผลการตรวจจากพฐ.จะออกในช่วงบ่ายของวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ในวันนี้มีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเข้าไปให้ปากคำ และโชว์กล้องดิจิตอลยี่ห้อแคนนอนที่ใช้ถ่ายรูปหมอมุก โดยยืนยันว่าถ่ายไว้เพียงใบเดียว เมื่อผู้สื่อข่าวถามคำถามแก่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ถึงกรณีลูกสาวและการออกรับผิดแทนบุคคลอื่น พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่ยอมตอบคำถาม ปล่อยให้ พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เป็นคนตอบคำถามเกือบทุกประเด็นแต่เพียงผู้เดียว

ขณะที่ล่าสุด พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ.ตร.กล่าวถึงผลการตรวจพิสูจน์ในที่เกิดเหตุ ว่า ทางเจ้าหน้าที่พฐก.ได้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว เหลือเพียงรอการเปรียบเทียบกับ ลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้อำนวยการกองกลางสำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หากมีการติดต่อให้ปากคำก็จะสามารถเก็บหลักฐานได้ โดยสิ่งที่นำมาเปรียบเทียบมีทั้งลายนิ้วมือที่เขียนบนกระจกรถของ หมอมุกว่าเป็นของใคร การตรวจพิสูจน์สามารถดูลักษณะของลายมือได้ รวมถึงลายพิมพ์นิ้วมือ และ ดีเอ็นเอที่สัมผัส ซึ่งการตรวจพิสูจน์จะชี้ และยืนยันได้ว่าใครเกี่ยวข้องกับคดีนี้บ้าง อย่างไรก็ตาม พ.ต.พญ.หทัยพร หรือหมอมุก ถือเป็นพยานปากเอกที่จะสร้างความกระจ่างให้กับคดีนี้ได้ ซึ่งตนจะแวะเข้าไปคุยกับพ.ญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของพ.ต.พญ.หทัยพรและหาข้อมูลจากตัว พ.ต.พญ.หทัยพรด้วย
พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ยังคงยืนยันเป็นคนขับรถชนหมอมุก
พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น นำเสื้อผ้าของครอบครัวที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุมอบให้พนักงานสอบสวน
นำกล้องถ่ายรูปที่ใช้ถ่ายภาพหมอมุก มอบให้ตำรวจไปตรวจสอบใช้ประกอบหลักฐาน

กำลังโหลดความคิดเห็น