กลุ่มพยานคดีปล้นปืนที่นราธิวาสเมื่อปี 2547 เข้ารับทราบข้อกล่าวหาให้การเท็จกรณีกล่าวหา “พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา” รุมซ้อม และกักขังระหว่างที่ถูกสอบปากคำในคดี โดยทั้งหมดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
วันนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราม นายอนุพงศ์ พันธชยางกูร อดีตกำนัน ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นายอาซีซาน สุเด็ง นายมะยารอปี สะนิ นายซอบัร ซารีฟ นายอรุณ อูเซ็ง นายมูหะหมัดนาฬิเย๊าะ รอยะ นายมะนาเซ มามะ นายหะมะ เจ๊ะโง๊ะ นายมะยูโซ๊ะ หะยีมามะ นายอามิ ยาแม และนายสุดีมัน มารึ รวม 11 คน พร้อมด้วยนายกมลศักดิ์ ลีวามะ ประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมประจำ จ.นราธิวาส ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมยศ ร่มสน พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.5 บก.ป. ตามหมายเรียกในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดทางอาญาแก่พนักงานสอบสวน หรือผู้มีอำนาจสืบสวนคดี โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยมีนายนัจมุดดิน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส และผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 2 พรรคมาตุภูมิ เดินทางมาร่วมให้กำลังใจด้วย
โดยคดีนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร.ได้แจ้งความดำเนินคดี นายอนุพงศ์ กับพวกรวม 14 คน หลังจากทั้งหมดเข้าให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดต่อ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กับพวก ในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และทำร้ายร่างกายระหว่างที่ถูกสอบปากคำและเป็นพยานคดีที่พนักงานสอบสวนยื่นฟ้องนายนัจมุดดิน และนายอารีฟ หรือฮาริฟ โซ๊ะโก และพวก ในคดีเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดน ร่วมกันเป็นอั้งยี่สมคบกันเป็นซ่องโจร จากเหตุปล้นปืนที่กองพันพัฒนาที่ 4 จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อเดือนมกราคม 2547 ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องคดีไปแล้ว
ต่อมา ทาง ป.ป.ช.ได้พิจารณายกคำร้องของนายอนุพงศ์กับพวก โดยระบุว่าการดำเนินการของ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ไม่ได้เข้าข่ายกระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหาอีก 2 รายที่ไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันเดียวกันนี้ ประกอบด้วย นายสุกรี มะมิง และนายอับดุลเล๊าะ อาบูคารี และมีผู้ถูกกล่าวหาอีก 1 รายที่เสียชีวิตไปแล้ว คือ นายอับดุลสอมัด มะหนุ
นายนัจมุดดินกล่าวว่า มาให้กำลังใจนายอนุพงศ์และผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด เนื่องจากคดีนี้มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากที่นายอนุพงศ์กับพวกได้เป็นพยานในคดีที่ตนตกเป็นจำเลยในความผิดฐานกบฏแบ่งแยกดินแดน ตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวหาแต่กลับคำให้การในคดีทำให้ตนรอดพ้นความผิดในคดีดังกล่าว
นายนัจมุดดินกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าตนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ซึ่งไม่เป็นความจริงและตนไม่ได้ถูกออกหมายเรียก หรือหมายจับในคดีใดๆ รวมถึงคดีนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม จากข่าวลือที่ออกมานั้นส่งผลให้ประชาชนใน จ.นราธิวาสเกิดความสับสน แม้ตนจะลงพื้นที่ชี้แจงและออกหาเสียงอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
วันนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราม นายอนุพงศ์ พันธชยางกูร อดีตกำนัน ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นายอาซีซาน สุเด็ง นายมะยารอปี สะนิ นายซอบัร ซารีฟ นายอรุณ อูเซ็ง นายมูหะหมัดนาฬิเย๊าะ รอยะ นายมะนาเซ มามะ นายหะมะ เจ๊ะโง๊ะ นายมะยูโซ๊ะ หะยีมามะ นายอามิ ยาแม และนายสุดีมัน มารึ รวม 11 คน พร้อมด้วยนายกมลศักดิ์ ลีวามะ ประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมประจำ จ.นราธิวาส ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมยศ ร่มสน พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.5 บก.ป. ตามหมายเรียกในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดทางอาญาแก่พนักงานสอบสวน หรือผู้มีอำนาจสืบสวนคดี โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยมีนายนัจมุดดิน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส และผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 2 พรรคมาตุภูมิ เดินทางมาร่วมให้กำลังใจด้วย
โดยคดีนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร.ได้แจ้งความดำเนินคดี นายอนุพงศ์ กับพวกรวม 14 คน หลังจากทั้งหมดเข้าให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดต่อ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กับพวก ในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และทำร้ายร่างกายระหว่างที่ถูกสอบปากคำและเป็นพยานคดีที่พนักงานสอบสวนยื่นฟ้องนายนัจมุดดิน และนายอารีฟ หรือฮาริฟ โซ๊ะโก และพวก ในคดีเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดน ร่วมกันเป็นอั้งยี่สมคบกันเป็นซ่องโจร จากเหตุปล้นปืนที่กองพันพัฒนาที่ 4 จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อเดือนมกราคม 2547 ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องคดีไปแล้ว
ต่อมา ทาง ป.ป.ช.ได้พิจารณายกคำร้องของนายอนุพงศ์กับพวก โดยระบุว่าการดำเนินการของ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ไม่ได้เข้าข่ายกระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหาอีก 2 รายที่ไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันเดียวกันนี้ ประกอบด้วย นายสุกรี มะมิง และนายอับดุลเล๊าะ อาบูคารี และมีผู้ถูกกล่าวหาอีก 1 รายที่เสียชีวิตไปแล้ว คือ นายอับดุลสอมัด มะหนุ
นายนัจมุดดินกล่าวว่า มาให้กำลังใจนายอนุพงศ์และผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด เนื่องจากคดีนี้มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากที่นายอนุพงศ์กับพวกได้เป็นพยานในคดีที่ตนตกเป็นจำเลยในความผิดฐานกบฏแบ่งแยกดินแดน ตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวหาแต่กลับคำให้การในคดีทำให้ตนรอดพ้นความผิดในคดีดังกล่าว
นายนัจมุดดินกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าตนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ซึ่งไม่เป็นความจริงและตนไม่ได้ถูกออกหมายเรียก หรือหมายจับในคดีใดๆ รวมถึงคดีนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม จากข่าวลือที่ออกมานั้นส่งผลให้ประชาชนใน จ.นราธิวาสเกิดความสับสน แม้ตนจะลงพื้นที่ชี้แจงและออกหาเสียงอยู่ตลอดเวลาก็ตาม