เป็นที่รับรู้กันว่า ยาเสพติดธุรกิจใต้ดินมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับบางส่วนของการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นยิ่งในช่วงที่มีการระดมกระสุนเพื่อระดมใช้ในการเลือกตั้งความต้องการเม็ดเงินนอกระบบจึงยิ่งเข้มข้นหนักกว่านั้น เป็นที่รับรู้กันว่าปัญหาอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ซึ่งจะต้องเอามาใช้ในภารกิจ รปภ.ทางการเมืองก็ยิ่งเป็นสุญญากาศที่เหมาะอย่างยิ่งในการเร่งลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังพื้นที่ตลาดเป้าหมายไม่ต้องพูดถึงอำนาจรัฐที่อยู่ในช่วงรักษาการอำนาจสั่งการบังคับบัญชาติดตามเร่งรัดประเมินผลก็ย่อมถดถอย
ดังนั้นกรณีนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เพื่อให้รัฐบาลยกเลิกโครงการฯนี้โดยอ้างว่า มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองและมองว่าต้นตอปัญหายาเสพติดอยู่ที่ชายแดนควรไปแก้ที่ชายแดนไม่ใช่ภายในกรุงเทพนั้นยิ่งสะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้สมัคร สส.กทม.เขต 17 (มีนบุรี คันนายาว)ของพรรคเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายจะใช้เวลาแก้ปัญหายาเสพติดภายในเวลา 1 ปี แต่สมาชิกในพรรคอย่างนายวิชาญกลับมีการแสดงท่าทีตรงกันข้ามตั้งแต่ยังไม่ได้เลือกตั้งซึ่งแตกต่างจากท่าทีของผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตย ในพื้นที่เดียวกันคือ “นายชาญวิทย์ วิภูศิริ” ซึ่งเร่งเดินสายปราศรัยเคาะประตูบ้านหาเสียงกับประชาชนในพื้นที่ว่า จะเข้าไปทำหน้าที่สส.เพื่อผลักดันเดินหน้าต่อนโยบายปราบยาเสพติดซึ่งพรรคประกาศจะเพิ่มกองกำลังพิเศษ 2,500 นายเพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังอันเป็นการต่อยอดโครงการ 5 รั้วป้องกันที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทำอยู่ในปัจจุบันผู้สมัคร สส.คนหนึ่งบอกไม่ให้ปราบยาเสพติดในช่วงนี้ขณะที่ผู้สมัคร สส.อีกคนหนึ่งบอกจะเร่งปราบ ดูเหมือนข้อมูลประกอบการพิจารณาเลือกคนที่จะมาทำหน้าที่ตัวแทนคนเขต 17 เริ่มดูไม่ยากแล้ว!
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจที่ทำไมผลโพลล์ล่าสุดของสื่อบางสำนักจึงออกมาว่า นายชาญวิทย์จากพรรคประชาธิปัตย์มีภาษีดีกว่านายวิชาญที่เป็นแชมป์เก่า!เมื่อสัก 4 ปีก่อนหน้านี้มีคดีอุกอาจพ.ต.ต.กิติศักดิ์ สถิตพานิช สวป.สภ.อ.บางบาล ช่วยราชการ สภ.อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต แล้วต่อมาตำรวจสามารถจับกุมนางเนียน เยียด หรือรัด รี อายุ 28 ปี ชาวกัมพูชา และนายสามารถ อินทร์ทอง อายุ 42 ปี ชาวไทย พร้อมของกลางยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,933 เม็ด ได้ที่คลองลึกเมื่อมีการขยายผลตรวจค้นที่บ้านพักของนายสามารถที่ เขตหนองจอก กทม. ก็พบอาวุธปืนสั้นขนาด .38 ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่าซื้อมาจากนายแดง ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นพ่อค้ายาบ้าที่มีนบุรี ตอนนั้นตรวจตั้งข้อสงสัยจะเป็นปืนที่ใช้ยิงพ.ต.ต.กิติศักดิ์หรือไม่แต่ประเด็นสำคัญก็คือวงจรอาชญากรรมมันเกี่ยวโยงและยืนยันชัดว่าพื้นที่มีนบุรีซึ่งนายวิชาญเป็นสส.เจ้าของพื้นที่มีการค้ายาบ้าอยู่จริงข้อมูลที่เป็นทางการและไม่อัพเดทมากนักของ สน.มีนบุรีคดียาบ้าปี 2553 มีถึง 1,110 คดี มาปี 2554 ตัวเลขเดือนกุมภาพันธ์ก็จับไปแล้ว 94 คดี ขณะที่ข้อมูลของ สน.คันนายาว ก็ 200 กว่าคดี ตัวเลขนี้อยู่ในพื้นที่เลือกตั้งของนายวิชาญที่สำคัญอยู่ในช่วงเวลาที่ตัวเองเป็นสส.!
ดังนั้นคำถามของพล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกอ.รมน. จึงเป็นสิ่งที่น่าคิด “ปส.315 ใช้ระยะปฏิบัติงาน 5 เดือน เริ่มตั้งแต่พฤษภาคม - กันยายน 54 หากถามว่าเราจะหยุดการทำงานในช่วงเลือกตั้งนี้ได้หรือไม่ ก็ต้องถามย้อนกลับไปว่า ผู้ค้ายาเสพติดเขาจะหยุดด้วยหรือไม่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องทำงานต่อไป ยืนยันว่า กอ.รมน. ไม่ได้ส่ง ปส..315 ลงพื้นที่เพื่อเกี่ยวข้องการเมือง หรือเจาะจงพื้นที่หาเสียงพรรคการเมืองใด” การเมืองจะห่ำหั่นกันอย่างไรก็ตามแต่ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ต้องแก้เพื่ออนาคตประเทศ และของลูกหลาน