การออกมาเปิดโฉมหน้า 50 มือปืน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนั่งบัญชาการของ "บิ๊กน้อย" พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยได้แจกจ่ายปฏิทิน มือปืนรับจ้าง ส่งไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกท้องที่นำไปติดประกาศ พร้อมทั้งขึ้นไว้บนเว็บไซต์ www.gunman.police.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง และมีความคาดหวังว่าประชาชนจะช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสติดตามจับกุมซุ้มมือสังหารได้ประกอบกับเป็นช่วงเลือกตั้ง ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ เพื่อให้เป็นปากเป็นเสียงประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร หลังแกนนำพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้หยิบเสี่ยงทายหมายเลขของแต่ละพรรคไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานหนักต่อไปก็คือการเฝ้าระวัง จับตากลุ่มซุ้มมือปืนตามหมายจับ โดยให้เกาะติดอย่างใกล้ชิดทุกความเคลื่อนไหว เนื่องจากหวั่นเกรงจะก่อเหตุรุนแรง ออกมารับงานตามตารางฆ่าที่หมายหัวทำลายหัวคะแนน ฐานเสียงคนสำคัญกับการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งผู้บงการต้องการสังหาร เพื่อเขี่ยไม่ให้ขวางทางการขึ้นเป็นใหญ่ยึดครองในสนามเลือกตั้งครั้งนี้
ซึ่งเหล่าบรรดามือปืนได้เริ่มปฏิบัติการเด็ดหัวคะแนน และคนที่เกี่ยวข้องผู้มีเพาเวอร์ของพรรคที่ผูกขาดแต่ละพื้นที่ เพื่อนำพา ส.ส.เรียงหน้าเข้าสภาอย่างเบ็ดเสร็จในทุกสมัย โดยเมื่อ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา คนร้ายใช้ปืนอาก้าหัวกระสุนปืน .22 แม็กนั่ม สาดยิง "นายวิโรจน์ ดำสนิท" นายก อบต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง หัวคะแนนคนสนิท "นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล" หรือเสี่ยตือ กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เจ้าของฐานเสียงพื้นที่จังหวัดอ่างทอง เสียชีวิตขณะกลับจากร่วมงานศพ ก่อนถึงทางเข้าบ้านเพียง 50 เมตร
การเสียชีวิตของ "นายวิโรจน์ ดำสนิท" ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับพรรคชาติไทยพัฒนาอย่างมาก จน "เสี่ยตือ" เจ้าของพื้นที่ออกมายอมรับว่าถือว่าเป็นการสูญเสียกำลังสำคัญของพรรค โดยการเสียชีวิตของนายก อบต.โผงเผง ทำให้กระทบฐานเสียงของพรรคชาติไทยพัฒนาแน่นอน
ขณะที่ "บรรหาร ศิลปอาชา" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้กำชับให้ทุกคนระมัด ระวังตัวเวลาลงพื้นที่ห้ามประมาทเด็ดขาด ย้ำให้หันมองซ้าย มองขวา ยิ่งในยามวิกาลเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ไม่ควรเสี่ยง เพราะเกรงจะเกิดอันตราย หลังหัวคะแนนคนสำคัญในจังหวัดอ่างทองถูกยิงดับ
แม้ว่า "เสียงปืน เสียงระเบิด ไม่เคยชนะเสียงของประชาชน" ก็ตาม แต่จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมมือยิงในคดีดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ในคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นท้าท้ายอำนาจรัฐครั้งนี้ "เสี่ยตือ" ได้กระตุ้นต่อมขยันของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้เร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ปรอทความรุนแรงจะส่งผลให้การแข่งขันการเลือกตั้งแต่ละพื้นที่ดุเดือดมากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับกรณีที่จังหวัดสมุทรปราการ
ขณะที่พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง (ผบก.ภ.จว.อ่างทอง) กล่าวว่าการสังหารครั้งนี้ห่างจากโรงพักป่าโมกเพียงไม่กี่ร้อยเมตร โดยเท่าที่สืบทราบคนร้ายน่าจะมี 2 ชุด ซึ่งชุดแรกประกบอยู่ที่งานศพ และชุดที่ 2 เฝ้าอยู่ที่ทางเข้าบ้าน โดยคาดว่าคนร้ายชุดแรกได้ส่งสัญญาณว่าเหยื่อกำลังกลับบ้าน จากนั้นคนร้ายที่ซุ่มอยู่ จึงลงมือสังหารโดยยิงยางรถก่อน เมื่อรถหยุดก็เดินยิงลงไปซ้ำ ส่วนสาเหตุตอนนี้ยังสืบสวนอยู่ เชื่อว่าจะมาจากการเมืองท้องถิ่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม ผบก.ภ.จว.อ่างทอง เชื่อว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่หลายนัด
ความดุเดือด เพื่อต้องการสกัดดาวรุ่งไม่ให้เข้าไปนั่งในสภาได้ในสนามเลือกตั้งของปากน้ำ (สมุทรปราการ) ก็รุนแรงไม่แพ้กัน โดยเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา คนร้ายได้ดักซุ่มอยู่บริเวณหน้าที่ทำการไปรษณีย์ สาขาพระประแดง แล้วประชิดจ่อยิง "นายประชา ประสพดี" อดีต ส.ส.เมืองปากน้ำ พรรคเพื่อไทย จำนวน 5 นัด โดยกระสุนทะลุเข้าที่สะบักซ้าย ห่างจากไหล่ขวาลงมา 6 นิ้ว แผลลึก 3 นิ้ว กระสุนไม่ฝังใน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะขับเก๋งคัมรี่กลับจากงานศพชาวบ้านที่วัดคันรัด ในอ.พระประแดง
ในคดีดังกล่าว "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ที่ปรึกษา (สบ 10) ฐานะรักษาราชการผบช.ภ.1 หัวหน้าทีมสอบสวนคดีนี้ ได้สืบหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุแล้วพบว่า รถผู้ก่อเหตุเป็นรถปิ๊กอัพ ยี่ห้อโตโยต้าสีดำ แต่ไม่ทราบทะเบียน เพราะเป็นเวลามืด พร้อมกับเจอกระสุนเป็นเอ็ม 16 ที่สาดยิง "ประชา ประสพดี" จนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ยังให้รายละเอียดว่าขณะนี้ทางเราได้ส่งเจ้าหน้าที่คอยประกบผู้ต้องสงสัยแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นขอออกหมายจับ
ขณะที่ตัว "ประชา" เองก็ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีว่า ตัวเขาเชื่อมั่นว่าการลอบยิงครั้งนี้คนร้ายไม่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพัง ต้องทำเป็นขบวนการ โดยมีกลุ่มที่เกี่ยวข้อง 2 กลุ่มคือกลุ่มแรกคนในพื้นที่สมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และอีกกลุ่มเป็นคนนอกพื้นที่ แต่มีผู้บงการเพียงคนเดียวกัน
นอกจากนี้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภาค 1 ยอมรับว่าการจะจับกุมตัวมือปืน และสาวไปถึงผู้บงการส่วนตัวมองว่ายากมาก นั่นหมายถึงว่าหากเจาะข้อมูลโยงหาระดับบิ๊กได้แล้วอาจต้องเจอตอ แต่ยังแบ่งรับ แบ่งสู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินหน้าทำงานกันอย่างเต็มที่ ไม่นิ่งนอนใจ ถึงแม้ว่าตัว "ประชา" จะให้ข้อมูลหรือรู้ตัวผู้บงการว่าเป็นใครนั้น หากพยานหลักฐานไม่ชัดก็ไม่สามารถเอาผิดใครได้ พร้อมกับคุยโวรู้ว่ามือปืนมาจากซุ้มที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธสงคราม โดยมีความรู้และประสบการณ์การใช้อาวุธปืนสูงมาก
กับความที่พยายามจะเอาจริง เพื่อคลี่คลายคดี "ประชา" ถูกลอบยิงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งชุดเฉพาะกิจล่ามือยิง โดยจากการสอบสวนพยานพอได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการที่จะนำสืบไปสู่การกล้าจับกุมว่ามีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ขับรถปิกอัพโตโยต้าวีโก้ สีดำ 4 ประตู ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน สะกดรอยตามเมื่อสบโอกาสคนร้ายได้เร่งเครื่องปาดแซงทางด้านขวา จากนั้นคนร้ายที่นั่งข้างคนขับ ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดกระหน่ำยิงใส่รถเป้าหมายแบบไม่ยั้งก่อนหลบหนีไป
สถานการณ์ทางการเมืองท่ามกลางความร้อนระอุตามอุณหภูมิอากาศร้อนแรงครั้งนี้ หนีไม่พ้นการล่าเด็ดหัว "ตัวเป้ง" ที่จะลงชิงชัยในสนามเลือกตั้ง เพื่อกลับเข้าสู่ชัยชนะ พร้อมสะสมแต้มจำนวน ส.ส. ให้แต่ละพรรคได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และชูวิสัยทัศน์ผู้นำ เพื่ออุ้มขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามที่แต่ละฝ่ายได้หมายหมั่นปั้นมือตามที่ได้ประกาศนโยบายไว้สวยหรู พร้อมรับใช้ประเทศชาติ เพื่อพัฒนาให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง
และมาส่งท้ายที่คดีเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 54 กรณี 2 คนร้ายขับรถเก๋งโตโยต้าโคโรลล่า สีขาว ไม่ทราบทะเบียน จอดเทียบกระหน่ำยิง "นายโกวิทย์ เจริญนนทสิทธิ์" อายุ 46 ปี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง จ.นนทบุรี ขณะขับรถเก๋งโตโยต้า แฮริเออร์ สีดำ ทะเบียน ฎร 9519 กรุงเทพมหานคร เข้าจอดในบ้าน ซึ่งเปิดเป็นบริษัทขายรถ จยย. ชื่อ "วิศวอินเตอร์เนชั่น" โดยกระสุนปืนขนาด 11 มม. เจาะหน้าผากเหยื่อก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานปมสังหารโหดไว้ 3 ประเด็น คือเรื่องขัดแย้งทางการเมือง ธุรกิจขายรถและเรื่องชู้สาว
อย่างไรก็ตาม ก่อนนายโกวิทย์ถูกยิง ได้เคยเปรยว่า มีแผนบันได 3 ขั้น ปฏิบัติการตีกินเมือง หลังมีพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งทาบทามให้ลงสมัคร ส.ส. จึงตัดสินใจเตรียมประกาศเปิดตัวพี่ชายลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย และเตรียมส่งญาติพี่น้องลงสมัครนายก อบต.ในเขต อ.บางบัวทอง หลายแห่งที่จะหมดวาระปลายปีนี้ เพื่อเตรียมขยายเขตเทศบาลเมืองบางบัวทองเป็นเทศบาลนครในอนาคต จนถูกนักการเมืองรุ่นพี่และคนใกล้ชิดปรามว่าจะเป็นการโตเร็วเกินไป และอาจสร้าง
ความโกรธแค้นให้กับนักการเมืองคนอื่น
การติดตามไล่ล่ามือยิง "นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง จ.นนทบุรี" ทีมสืบสวนได้อาศัยค้นหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ทางร้านได้ติดตั้งไว้จำนวน 2 ตัว สามารถบันทึกรถของคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้ เนื่องจากคนร้ายไม่ได้ลงจากรถมายิง แต่อาศัยความชำนาญในการใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายได้อย่างแม่นยำ
ทันทีที่เกิดเหตุการณ์อุกอาจดังกล่าว พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา (สบ 10) ฐานะรักษาราชการแทน ผบช.ภาค 1 ได้เรียกชุดสืบสวนภาค 1-และตำรวจ สภ.บางบัวทอง เข้าประชุมคลี่คลายคดีสังหารนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง นานร่วม 2 ชั่วโมง โดยยังคงวางธงไว้ที่ปมการเมืองท้องถิ่น ที่ผู้ตายเป็นนักการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรงในพื้นที่ จึงอาจทำให้อีกฝ่ายต้องการตัดคู่แข่ง มากกว่าเรื่องธุรกิจขายรถ จยย. หรือเรื่องชู้สาว พร้อมกับเชื่อว่าทีมสังหารได้มาดักรอนานหลายวันแล้ว
ตามแนวทางสืบหากลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุ ชุดพนักงานสอบสวนได้นำปืนยาว 2 กระบอก แบบออโตเมติก ออกมาแสดงและสาธิตการใช้เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนติดตามคนร้าย เนื่องจากภาพวงจรปิดที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาเปิดดูนั้นพบว่า ระหว่างที่คนร้ายที่มีไม่ต่ำกว่า 2 คนลงมือก่อเหตุนั้น ได้ใช้อาวุธปืนยาวแบบเอ็ม.ที.ขนาด 11 มม.ยิงออกมาจากในรถเก๋งยีห้อโตโยต้า โคโรน่า สีบรอนซ์เงิน หลังก่อเหตุรถคันดังกล่าวได้ขับหลบหนีเข้าไปในซอยวัดเล่งเน่ยยี่ 2 ซึ่งสามารถทะลุออกถนนใหญ่เส้นทางสายตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี รวมทั้งถนนสาย 345 และอีกหลายเส้นทาง
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ 3 ก.ค. สถิติของยอดการเสียชีวิตของบรรดาหัวคะแนน และส.ส.ผู้เก๊าเกมการเมืองและเจนสนามเลือกตั้ง ซึ่งยังคงครองคะแนนความนิยมไว้ทุกสมัย ยิ่งเป็นเป้าล่อให้เห็นถึงความรุนแรงที่จะทวีคูณตามมา แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาไม่นานนัก แต่ความคืบหน้าในแต่ละคดีที่ทุกคดีคนร้ายมีความเชี่ยวชาญอาวุธสงครามก่อเหตุ ยังไม่ชัดเจนที่จะสามารถขยายผลจับกุมตัวมือปืนผู้ลั่นไก และโยงไปสู่ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังได้ ซึ่งงานนี้แม้ว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จะลงมาลุยควบคุมการทำงานของชุดสืบสวนด้วยตนเองก็ตาม แต่ก็ยังไม่นำพาสามารถตระครุบคนร้ายที่ก่อเหตุความรุนแรง ลดกระแสความเชี่ยวกาดในสนามเลือกตั้ง เพื่อพลิกฟื้นชาติไทยในปี 2554 ได้ ทั้งนี้ ในความต้องการหยุดลมหายใจคู่แข่งทางการเมือง ฝ่ายตรงข้ามหรือคู่ต่อสู้ อาจส่งมือปืนระดับพระกาฬมาติดตามส่องยิง สอยดาวรุ่งดับลงทีละดวง เพื่อให้ตนเองได้เป็นนักการเมืองใหญ่ เป็นส.ส.ผู้ทรงเกียรติ นั่งเป็นผู้แทนราษฎรได้อย่างสง่างามกลางรัฐสภาต่อไป
ซึ่งเหล่าบรรดามือปืนได้เริ่มปฏิบัติการเด็ดหัวคะแนน และคนที่เกี่ยวข้องผู้มีเพาเวอร์ของพรรคที่ผูกขาดแต่ละพื้นที่ เพื่อนำพา ส.ส.เรียงหน้าเข้าสภาอย่างเบ็ดเสร็จในทุกสมัย โดยเมื่อ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา คนร้ายใช้ปืนอาก้าหัวกระสุนปืน .22 แม็กนั่ม สาดยิง "นายวิโรจน์ ดำสนิท" นายก อบต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง หัวคะแนนคนสนิท "นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล" หรือเสี่ยตือ กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เจ้าของฐานเสียงพื้นที่จังหวัดอ่างทอง เสียชีวิตขณะกลับจากร่วมงานศพ ก่อนถึงทางเข้าบ้านเพียง 50 เมตร
การเสียชีวิตของ "นายวิโรจน์ ดำสนิท" ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับพรรคชาติไทยพัฒนาอย่างมาก จน "เสี่ยตือ" เจ้าของพื้นที่ออกมายอมรับว่าถือว่าเป็นการสูญเสียกำลังสำคัญของพรรค โดยการเสียชีวิตของนายก อบต.โผงเผง ทำให้กระทบฐานเสียงของพรรคชาติไทยพัฒนาแน่นอน
ขณะที่ "บรรหาร ศิลปอาชา" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้กำชับให้ทุกคนระมัด ระวังตัวเวลาลงพื้นที่ห้ามประมาทเด็ดขาด ย้ำให้หันมองซ้าย มองขวา ยิ่งในยามวิกาลเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ไม่ควรเสี่ยง เพราะเกรงจะเกิดอันตราย หลังหัวคะแนนคนสำคัญในจังหวัดอ่างทองถูกยิงดับ
แม้ว่า "เสียงปืน เสียงระเบิด ไม่เคยชนะเสียงของประชาชน" ก็ตาม แต่จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมมือยิงในคดีดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ในคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นท้าท้ายอำนาจรัฐครั้งนี้ "เสี่ยตือ" ได้กระตุ้นต่อมขยันของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้เร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ปรอทความรุนแรงจะส่งผลให้การแข่งขันการเลือกตั้งแต่ละพื้นที่ดุเดือดมากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับกรณีที่จังหวัดสมุทรปราการ
ขณะที่พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง (ผบก.ภ.จว.อ่างทอง) กล่าวว่าการสังหารครั้งนี้ห่างจากโรงพักป่าโมกเพียงไม่กี่ร้อยเมตร โดยเท่าที่สืบทราบคนร้ายน่าจะมี 2 ชุด ซึ่งชุดแรกประกบอยู่ที่งานศพ และชุดที่ 2 เฝ้าอยู่ที่ทางเข้าบ้าน โดยคาดว่าคนร้ายชุดแรกได้ส่งสัญญาณว่าเหยื่อกำลังกลับบ้าน จากนั้นคนร้ายที่ซุ่มอยู่ จึงลงมือสังหารโดยยิงยางรถก่อน เมื่อรถหยุดก็เดินยิงลงไปซ้ำ ส่วนสาเหตุตอนนี้ยังสืบสวนอยู่ เชื่อว่าจะมาจากการเมืองท้องถิ่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม ผบก.ภ.จว.อ่างทอง เชื่อว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่หลายนัด
ความดุเดือด เพื่อต้องการสกัดดาวรุ่งไม่ให้เข้าไปนั่งในสภาได้ในสนามเลือกตั้งของปากน้ำ (สมุทรปราการ) ก็รุนแรงไม่แพ้กัน โดยเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา คนร้ายได้ดักซุ่มอยู่บริเวณหน้าที่ทำการไปรษณีย์ สาขาพระประแดง แล้วประชิดจ่อยิง "นายประชา ประสพดี" อดีต ส.ส.เมืองปากน้ำ พรรคเพื่อไทย จำนวน 5 นัด โดยกระสุนทะลุเข้าที่สะบักซ้าย ห่างจากไหล่ขวาลงมา 6 นิ้ว แผลลึก 3 นิ้ว กระสุนไม่ฝังใน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะขับเก๋งคัมรี่กลับจากงานศพชาวบ้านที่วัดคันรัด ในอ.พระประแดง
ในคดีดังกล่าว "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ที่ปรึกษา (สบ 10) ฐานะรักษาราชการผบช.ภ.1 หัวหน้าทีมสอบสวนคดีนี้ ได้สืบหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุแล้วพบว่า รถผู้ก่อเหตุเป็นรถปิ๊กอัพ ยี่ห้อโตโยต้าสีดำ แต่ไม่ทราบทะเบียน เพราะเป็นเวลามืด พร้อมกับเจอกระสุนเป็นเอ็ม 16 ที่สาดยิง "ประชา ประสพดี" จนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ยังให้รายละเอียดว่าขณะนี้ทางเราได้ส่งเจ้าหน้าที่คอยประกบผู้ต้องสงสัยแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นขอออกหมายจับ
ขณะที่ตัว "ประชา" เองก็ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีว่า ตัวเขาเชื่อมั่นว่าการลอบยิงครั้งนี้คนร้ายไม่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพัง ต้องทำเป็นขบวนการ โดยมีกลุ่มที่เกี่ยวข้อง 2 กลุ่มคือกลุ่มแรกคนในพื้นที่สมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และอีกกลุ่มเป็นคนนอกพื้นที่ แต่มีผู้บงการเพียงคนเดียวกัน
นอกจากนี้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภาค 1 ยอมรับว่าการจะจับกุมตัวมือปืน และสาวไปถึงผู้บงการส่วนตัวมองว่ายากมาก นั่นหมายถึงว่าหากเจาะข้อมูลโยงหาระดับบิ๊กได้แล้วอาจต้องเจอตอ แต่ยังแบ่งรับ แบ่งสู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินหน้าทำงานกันอย่างเต็มที่ ไม่นิ่งนอนใจ ถึงแม้ว่าตัว "ประชา" จะให้ข้อมูลหรือรู้ตัวผู้บงการว่าเป็นใครนั้น หากพยานหลักฐานไม่ชัดก็ไม่สามารถเอาผิดใครได้ พร้อมกับคุยโวรู้ว่ามือปืนมาจากซุ้มที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธสงคราม โดยมีความรู้และประสบการณ์การใช้อาวุธปืนสูงมาก
กับความที่พยายามจะเอาจริง เพื่อคลี่คลายคดี "ประชา" ถูกลอบยิงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งชุดเฉพาะกิจล่ามือยิง โดยจากการสอบสวนพยานพอได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการที่จะนำสืบไปสู่การกล้าจับกุมว่ามีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ขับรถปิกอัพโตโยต้าวีโก้ สีดำ 4 ประตู ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน สะกดรอยตามเมื่อสบโอกาสคนร้ายได้เร่งเครื่องปาดแซงทางด้านขวา จากนั้นคนร้ายที่นั่งข้างคนขับ ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดกระหน่ำยิงใส่รถเป้าหมายแบบไม่ยั้งก่อนหลบหนีไป
สถานการณ์ทางการเมืองท่ามกลางความร้อนระอุตามอุณหภูมิอากาศร้อนแรงครั้งนี้ หนีไม่พ้นการล่าเด็ดหัว "ตัวเป้ง" ที่จะลงชิงชัยในสนามเลือกตั้ง เพื่อกลับเข้าสู่ชัยชนะ พร้อมสะสมแต้มจำนวน ส.ส. ให้แต่ละพรรคได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และชูวิสัยทัศน์ผู้นำ เพื่ออุ้มขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามที่แต่ละฝ่ายได้หมายหมั่นปั้นมือตามที่ได้ประกาศนโยบายไว้สวยหรู พร้อมรับใช้ประเทศชาติ เพื่อพัฒนาให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง
และมาส่งท้ายที่คดีเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 54 กรณี 2 คนร้ายขับรถเก๋งโตโยต้าโคโรลล่า สีขาว ไม่ทราบทะเบียน จอดเทียบกระหน่ำยิง "นายโกวิทย์ เจริญนนทสิทธิ์" อายุ 46 ปี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง จ.นนทบุรี ขณะขับรถเก๋งโตโยต้า แฮริเออร์ สีดำ ทะเบียน ฎร 9519 กรุงเทพมหานคร เข้าจอดในบ้าน ซึ่งเปิดเป็นบริษัทขายรถ จยย. ชื่อ "วิศวอินเตอร์เนชั่น" โดยกระสุนปืนขนาด 11 มม. เจาะหน้าผากเหยื่อก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานปมสังหารโหดไว้ 3 ประเด็น คือเรื่องขัดแย้งทางการเมือง ธุรกิจขายรถและเรื่องชู้สาว
อย่างไรก็ตาม ก่อนนายโกวิทย์ถูกยิง ได้เคยเปรยว่า มีแผนบันได 3 ขั้น ปฏิบัติการตีกินเมือง หลังมีพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งทาบทามให้ลงสมัคร ส.ส. จึงตัดสินใจเตรียมประกาศเปิดตัวพี่ชายลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย และเตรียมส่งญาติพี่น้องลงสมัครนายก อบต.ในเขต อ.บางบัวทอง หลายแห่งที่จะหมดวาระปลายปีนี้ เพื่อเตรียมขยายเขตเทศบาลเมืองบางบัวทองเป็นเทศบาลนครในอนาคต จนถูกนักการเมืองรุ่นพี่และคนใกล้ชิดปรามว่าจะเป็นการโตเร็วเกินไป และอาจสร้าง
ความโกรธแค้นให้กับนักการเมืองคนอื่น
การติดตามไล่ล่ามือยิง "นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง จ.นนทบุรี" ทีมสืบสวนได้อาศัยค้นหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ทางร้านได้ติดตั้งไว้จำนวน 2 ตัว สามารถบันทึกรถของคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้ เนื่องจากคนร้ายไม่ได้ลงจากรถมายิง แต่อาศัยความชำนาญในการใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายได้อย่างแม่นยำ
ทันทีที่เกิดเหตุการณ์อุกอาจดังกล่าว พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา (สบ 10) ฐานะรักษาราชการแทน ผบช.ภาค 1 ได้เรียกชุดสืบสวนภาค 1-และตำรวจ สภ.บางบัวทอง เข้าประชุมคลี่คลายคดีสังหารนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง นานร่วม 2 ชั่วโมง โดยยังคงวางธงไว้ที่ปมการเมืองท้องถิ่น ที่ผู้ตายเป็นนักการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรงในพื้นที่ จึงอาจทำให้อีกฝ่ายต้องการตัดคู่แข่ง มากกว่าเรื่องธุรกิจขายรถ จยย. หรือเรื่องชู้สาว พร้อมกับเชื่อว่าทีมสังหารได้มาดักรอนานหลายวันแล้ว
ตามแนวทางสืบหากลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุ ชุดพนักงานสอบสวนได้นำปืนยาว 2 กระบอก แบบออโตเมติก ออกมาแสดงและสาธิตการใช้เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนติดตามคนร้าย เนื่องจากภาพวงจรปิดที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาเปิดดูนั้นพบว่า ระหว่างที่คนร้ายที่มีไม่ต่ำกว่า 2 คนลงมือก่อเหตุนั้น ได้ใช้อาวุธปืนยาวแบบเอ็ม.ที.ขนาด 11 มม.ยิงออกมาจากในรถเก๋งยีห้อโตโยต้า โคโรน่า สีบรอนซ์เงิน หลังก่อเหตุรถคันดังกล่าวได้ขับหลบหนีเข้าไปในซอยวัดเล่งเน่ยยี่ 2 ซึ่งสามารถทะลุออกถนนใหญ่เส้นทางสายตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี รวมทั้งถนนสาย 345 และอีกหลายเส้นทาง
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ 3 ก.ค. สถิติของยอดการเสียชีวิตของบรรดาหัวคะแนน และส.ส.ผู้เก๊าเกมการเมืองและเจนสนามเลือกตั้ง ซึ่งยังคงครองคะแนนความนิยมไว้ทุกสมัย ยิ่งเป็นเป้าล่อให้เห็นถึงความรุนแรงที่จะทวีคูณตามมา แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาไม่นานนัก แต่ความคืบหน้าในแต่ละคดีที่ทุกคดีคนร้ายมีความเชี่ยวชาญอาวุธสงครามก่อเหตุ ยังไม่ชัดเจนที่จะสามารถขยายผลจับกุมตัวมือปืนผู้ลั่นไก และโยงไปสู่ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังได้ ซึ่งงานนี้แม้ว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จะลงมาลุยควบคุมการทำงานของชุดสืบสวนด้วยตนเองก็ตาม แต่ก็ยังไม่นำพาสามารถตระครุบคนร้ายที่ก่อเหตุความรุนแรง ลดกระแสความเชี่ยวกาดในสนามเลือกตั้ง เพื่อพลิกฟื้นชาติไทยในปี 2554 ได้ ทั้งนี้ ในความต้องการหยุดลมหายใจคู่แข่งทางการเมือง ฝ่ายตรงข้ามหรือคู่ต่อสู้ อาจส่งมือปืนระดับพระกาฬมาติดตามส่องยิง สอยดาวรุ่งดับลงทีละดวง เพื่อให้ตนเองได้เป็นนักการเมืองใหญ่ เป็นส.ส.ผู้ทรงเกียรติ นั่งเป็นผู้แทนราษฎรได้อย่างสง่างามกลางรัฐสภาต่อไป
