รวบแก๊งหลอกแรงงานไปทำงานต่างประเทศ ลวงให้จ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าแล้วปิดบริษัทหนี และกลับมาเปิดบริษัทใหม่ในชื่อใหม่ ยังมีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก มีแรงงานได้รับความเสียหายกว่า 40 ราย มูลค่าเกือบ 8 ล้าน เจอประวัติมีหมายจับคดีฉ้อโกงพ่วงอีกเพียบ แถมหนีประกันในชั้นศาลมาทำผิดซ้ำ
วันนี้ (20 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1 บก.ปคม.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน แถลงการจับกุม นายเมธิชัย ธรรมคุตต์ หรือ อภิชัย ขันเพชร อายุ 59 ปี และ นายถิรายุ อัฑฒ์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางหนังสือเดินทางแรงงานไทย 19 เล่ม คำร้องขอเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา 17 ฉบับ เอกสารการสมัครงานไปทำงานต่างประเทศ ใบปลิว คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม และบัตรเอทีเอ็มอีกหลายใบ โดยจับกุมได้ที่ หจก.ฟาร์มแซงค์ทัวรี่ ตึกแถว 2 ชั้น เลขที่ 51/029 หมู่บ้านเมืองเอก โครงการ 1 หมู่ 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี
พ.ต.อ.ณพวัฒน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้รับการประสานจากกระทรวงแรงงาน ว่า มีกลุ่มแรงงานไทยจำนวน 22 คน ถูก หจก.อิงซิน ออล เลขที่ 19/2 หมู่ 3 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลอกลวงว่า มีงานในโรงงานผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ประเทศญี่ปุ่น หากสนใจจะไปทำงานต้องเสียค่าใช้จ่ายรายละ 3.5 แสนบาท โดยวางมัดจำล่วงหน้า 3 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือให้โอนเข้าบัญชีธนาคารก่อนวันเดินทาง แต่เมื่อโอนเงินให้แล้ว นายเมธิชัย ได้ปิดบริษัทและปิดมือถือหนีไป
ต่อมา นายเมธิชัย และ นายถิรายุ ได้มาเปิดบริษัทจัดหางานเถื่อนในลักษณะเดียวกันนี้อีก แต่เปลี่ยนชื่อเป็น หจก.ฟาร์มแซงค์ทัวรี่ โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนจัดหาแรงงานไปทำงานที่ฟาร์มเพาะพันธุ์สัตว์เพื่อการเกษตรและส่งออก รัฐโอไฮโอ พร้อมกับทำใบปลิวแบบพิมพ์เองระบุรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับงานและสวัสดิการต่างๆ ทำให้มีแรงงานไทยหลงเชื่อติดต่อกลับมาอีกไม่ต่ำกว่า 20 ราย โดยมีการตกลงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการคนละ 3.6 แสนบาท วางมัดจำล่วงหน้า 7 หมื่นบาท ซึ่งมีแรงงานจำนวนหนึ่งได้นัดจ่ายค่ามัดจำกันในวันเดียวกันนี้ ซึ่งตำรวจจึงซ้อนแผนบุกเข้าตรวจค้นและจับกุมตัวทั้งสองมาได้ โดยขณะเข้าตรวจค้นพบแรงงานไทยที่มาติดต่อและเตรียมจะจ่ายเงินให้อยู่ภายในบริษัท จำนวน 7 ราย
จากการสอบสวนทราบว่ามีแรงงานไทยที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้ประมาณ 40 ราย โดยกลุ่มผู้เสียหายชุดแรก จำนวน 22 คนที่ถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้จ่ายเงินให้ไปรายละ 3.5 แสนบาท รวมมูลค่าความเสียหาย 7.7 ล้านบาท แต่กลุ่มผู้เสียหายชุดหลัง ประมาณ 16-20 คน ซึ่งถูกหลอกไปทำงานที่สหรัฐอเมริกานั้นได้จ่ายเงินมัดจำไปแล้วคนละ 7 หมื่นบาท แต่มีบางรายที่จ่ายเงินให้ครบจำนวน 3.5 แสนบาท ตามที่ตกลงไว้ ส่วนสาเหตุที่หลงเชื่อเพราะต้องการงาน ประกอบกับผู้ต้องหาอ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่ระดับสูง ซึ่งมีวิธีทำให้สามารถเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ ได้
นายถิรายุ อ้างว่า นายเมธิชัย จ้างให้มาทำเอกสารและถอนเงินจากบัญชีธนาคารเท่านั้น โดยล่าสุดได้ถอนเงินไปให้นายเมธิชัย 4 ล้านบาท ส่วนตนได้รับส่วนแบ่ง 2 หมื่นบาท
ส่วน นายเมธิชัย นั้น ตรวจสอบประวัติ พบว่า มีหมายจับตาม พ.ร.บ.แรงงานฯ และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จำนวน 3 หมายของศาลอาญา ศาลแขวงพระนครเหนือ และศาลแขวงนนทบุรี ครั้งสุดท้ายถูกตำรวจ บก.ปคม.หน่วยงานเดียวกันนี้จับกุมตัวได้เมื่อปี 2552 แต่หลังจากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวและหนีประกันชั้นศาลก็มากระทำผิดซ้ำ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปคม.จึงดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองในข้อหาจัดหาคนงานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
