“จตุพร” เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้บัญชาการทหารบก ฐานหมิ่นประมาท หลังจากที่ถูก ผบ.ทบ.ส่งลูกน้องไปแจ้งความในข้อหาหมิ่นสถาบัน โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงแห่ไปให้กำลังใจกันคับคั่ง ในขณะเดียวกัน กลุ่มสหพันธ์คนไทยปกป้องสถาบันเดินทางไปรวมตัวกันเพื่อแสดงเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันอยู่ไม่ห่างนัก โดยมีกำลังตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยและกันไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากัน
วันนี้ (17 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สน.สำราญราษฎร์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายวิเชียร ขาวขำ และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่ม นปช. พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พ.ต.อ.จีระภัทร โพธิ์ชนะพันธ์ ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.ท.กฤษฎางค์ จิตตรีพล รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.โอภาส ขวัญสมคิด พนักงานสอบสวน (สบ 2) เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และพ.อ.จีรพล หลงประดิษฐ์ นายทหารพระธรรมนูญ ในข้อหาแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา อันเป็นการให้บุคคลใดต้องรับโทษ หรือรับโทษหนักขึ้น ,หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยนายจตุพรได้ยื่นหลักฐานเป็นเอกสารบันทึกคำให้การจำนวน 3 หน้ากระดาษต่อพนักงานสอบสวน ก่อนเดินทางกลับ
นายจตุพรกล่าวว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้มีคำสั่งให้ พ.อ.จีรพล หลงประดิษฐ์ ทหารพระธรรมนูญแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ให้ดำเนินคดีต่อตนพร้อมนายวิเชียร และนายสุภรณ์ ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการปราศรัยบนเวที นปช.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยวันนี้ตนพร้อมพวกจึงมาชี้แจงตามสิทธิว่าไม่มีเจตนาจะกล่าวหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ต้องการกล่าวตรงไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก พร้อมกันนี้ได้แจ้งความให้ดำเนินคดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ และพ.อ.จีรพล ในข้อหาแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดคดีอาญาแก่พนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา อันเป็นการให้บุคคลใดต้องรับโทษ หรือรับโทษหนักขึ้น เพราะพล.อ.ประยุทธ์ และพ.อ.จีรพล ทราบอยู่แล้วว่าตนไม่ได้กระทำการที่จะเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่ได้แสดงถึงความประสงค์ร้าย หรือไม่ได้เป็นการใส่ความยืนยันข้อเท็จจริงใดๆ เกี่ยวกับบุคคลอื่น โดยอ้างว่าเขาได้กระทำอย่างนั้นอย่างนี้ หรือไม่ได้กระทำการดูหมิ่น เหยียดหยามใดๆ ต่อบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 112
“ความจริงแล้วการปราศรัยของผมมีเนื้อหาตั้งคำถามไปยัง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กรณีศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาและมีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่อย่างไร และอีกส่วนหนึ่งในวันที่ครบรอบการสลายการชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และรำลึกถึงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้ปราศรัยมุ่งไปที่นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และทหารที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม ว่าไม่สมควรและผิดกฎหมาย และได้กล่าวถึงกรณีที่ผมเคยเตือนรัฐบบาลว่าหากจะใช้ทหารเข้าปราบปรามประชาชน ก็อย่าใช้ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และทหารเสือราชินี เพราะประชาชนเสียใจและเจ็บปวด และยังได้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริตในทางการเมืองเพื่อความชอบธรรมป้องกันตน ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยที่ประชาชนย่อมกระทำ” นายจตุพรกล่าว และว่าที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวหาและใส่ร้ายตนมาโดยตลอด และยังเป็นปฏิปักษ์ในทางการเมือง และทางคดีโดย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่ประชาชนกล่าวหาและเชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 และยังเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.2552 และช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.2553
นายจตุพรกล่าวต่อว่า ส่วนข้อหาหมิ่นประมาท นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2554 พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ใส่ความตนและแกนนำ นปช.ว่ามุ่งหวังที่ทำลาย ล้มล้างสถาบัน ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนเคารพนับถือ ไม่มีวันเจริญ ซึ่งเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จและไม่สุจริต โดยประการทำให้ตนและแกนนำ นปช.เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ขณะที่ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น พล.อ.ประยุทธ์อ้างว่าเป็นผู้ถือกฎหมาย ปกป้องสถาบัน พระมหากษัตริย์ แต่กรณีที่วิกิลีกส์ และนสพ.เดอะการ์เดี้ยน เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับการสนทนาของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พล.อ.สิทธิ เศวตสิลา องคมนตรี และนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายอีริค จี. จอห์น อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ซึ่งนายสมหวัง อัสราษี และคณะ แจ้งความให้ดำเนินคดีต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ดำเนินคดีต่อบุคคลข้างต้น ต่อการกระทำที่เข้าข่ายความผิดต่อองค์รัชทายาทของคณะบุคคลดังกล่าว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายทหารมีหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์แต่กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการ
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนรับแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว ส่วนเรื่องผิดหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนจะพิจารณาถึงเนื้อหาที่นายจตุพร เข้าแจ้งความดังกล่าว พร้อมทำการตรวจสอบจากเทปบันทึกคำปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อไปเปรียบเทียบกับเนื้อหาที่ฝ่ายทหารเข้าแจ้งความ ว่าจะมีเนื้อหาตรงกันหรือไม่ และมีการพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ ซึ่งต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งตนยืนยันว่าจะทำคดีอย่างตรงไปตรงมาเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันโดยไม่เลือกปฏิบัติและไม่หนักใจแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ทางกองทัพมาแจ้งความก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ เพราะทหารมีหน้าที่ปกป้องสถาบันอยู่แล้ว ส่วนที่นายจตุพรแจ้งความกลับข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมีชอบนั้น พนักงานสอบสวนจะพิจารณาว่า ผบ.ทบ.มีอำนาจหน้าที่ต้องทำตามที่นายจตุพรกล่าวอ้างหรือไม่ นอกจากนี้ยังขอฝากถึง นายจตุพรไว้สักเรื่องเกี่ยวกับการกล่าวถ้อยคำปราศรัย โดยขอร้องว่าไม่ควรพูดจาพาดพิงสถาบันไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะแม้แต่ชาวต่างชาติยังแสดงความจงรักภักดี โดยหลังจากนี้ภายใน 3 วัน เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบถึงผู้ที่มีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือแม้แต่ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อเวลา 10.00 น.ที่ลานคนเมือง กลุ่มเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน กลุ่มสหพันธ์คนไทยปกป้องสถาบัน และ กลุ่มพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,000 คน ได้นัดหมายรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังในความจงรักภักดีต่อสถาบัน พร้อมเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีกับผู้ที่มีพฤติการณ์หมิ่นสถาบันเบื้องสูง
โดยนายบวร ยสินทร ประธานกลุ่มเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มของพวกตนได้เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด แต่ทุกวันนี้พบว่ามีคนหมิ่นสถานบันเบื้องสูงเป็นจำนวนมาก จึงได้นัดรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังในความจงรักภักดีต่อสถานบัน พร้อมเร่งรัดตำรวจให้ดำเนินคดีในเรื่องหมิ่นสถาบันเบื้องสูงเพื่อให้สังคมรับรู้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประมาณ 3 กองร้อยได้คอยดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาเจรจากับกลุ่มดังกล่าว เพื่อขอให้เลิกกิจกรรมไปก่อนเวลา 12.00 น. เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งกลุ่มต่อต้านหมิ่นสถานบันก็ได้ยอมถอยกลับและเลิกชุมนุมก่อนที่กลุ่มคนเสื้อ แดงจะเดินทางมาที่ สน.สำราญราษฎ์ จึงไม่มีเหตุปะทะกันแต่อย่างใด