xs
xsm
sm
md
lg

ระวัง(ปาหี่)ปรองดอง!"มาร์คจูบปากไอ้ตู่"-"รวยแต่โกงหลุดคดี"

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

00...หากพูดถึง "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี กับ"นายจตุพร พรหมพันธุ์"ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ พรรคเพื่อไทย ถือได้ว่า 2 บุคคลนี้ คือ 2 บุคคลที่มีการตอบโต้กล่าวหากันในสภาและนอกสภาอย่างรุนแรง ชนิดไม่เผาผีซึ่งกันและกัน โดยที่ผลจากการตอบโต้กล่าวหา ทำให้มีคดีความต้องไปต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงกันในศาลหลายคดี

โดยฝ่ายโจทก์ คือ นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า จะไม่มีการยอมความเด็ดขาด และจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ขณะที่ฝ่ายจำเลย คือ นายจตุพร ก็ยืนยัน เช่นกันว่า ตนเองไม่ได้หมิ่นประมาท และขอใช้สิทธิทางศาลในการต่อสู้ทุกรูปแบบ

วันนี้ สำนวนคดีแรก คดีหมายเลขดำที่ อ.1962/2552 “จตุพร”หมิ่นประมาท"มาร์ค" กรณีขึ้นเวทีปราศรัย นปช.ที่บริเวณวัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง กล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ฆาตกรมือเปื้อนเลือด สั่งทหารฆ่าประชาชน

คดีนี้ “จตุพร”เคยต่อสู้ด้วยการกล่าวหา “นายสมศักดิ์ วงศ์ยืน”องค์คณะผู้พิพากษาว่าไม่ให้ความเป็นธรรม และยื่นคำร้องคัดค้านการทำหน้าที่ของ “นายสมศักดิ์” เริ่มจากขอความเป็นธรรม ต่อประธานศาลฎีกา ยื่นฟ้องเป็นคู่กรณีพิพาทต่อศาลอาญา และยื่นคัดค้านต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา สุดท้ายผลการกระทำของ “จตุพร” ทำให้ “นายสมศักดิ์” ขอถอนตัวจากการเป็นผู้พิพากษาองค์คณะ และศาลอาญาได้เปลี่ยนองค์คณะใหม่ พร้อมให้โอกาส “จตุพร” ยื่นบัญชีพยานใหม่

ถัดมาคดีหมายเลขดำที่ อ.404/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร ในความผิดฐานหมิ่นประมาท กรณี นายจตุพร แถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย กล่าวหานายอภิสิทธิ์ กระทำการมิบังควรตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน โดยนั่งเก้าอี้เทียบเสมอพระเจ้าแผ่นดินในการถวายรายงานราชการ โดยผลการคัดค้านของ “จตุพร”ทำให้การนัดพิพากษา เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.53 ต้องยกเลิกไป

โดยศาลอ้างเหตุ จำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้าน นายสมศักดิ์ วงศ์ยืน เจ้าของสำนวนเดิม พร้อมกับได้มีโอนสำนวนคดีให้องค์คณะใหม่รับผิดชอบสำนวนแทน รวมทั้งได้ให้สิทธิในการต่อสู้คดีแก่ นายจตุพร ด้วยการเปิดโอกาสให้สืบพยานเพิ่มเติมอีก 6-7 ปาก ใช้เวลา 3 นัด ศาลเลื่อนนัดพิพากษาออกไป เพื่อเริ่มกระบวนการสืบพยานจำเลยเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยศาลนัดพร้อมคู่ความเพื่อตรวจความพร้อมการเตรียมพยานและกำหนดวันสืบพยาน ในวันที่ 25 ม.ค. 54

คดีนี้ ทนายความของนายจตุพร จะนำนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รวมทั้งนักวิชาการเสื้อแดง และข้าราชการสำนักพระราชวัง ขึ้นเป็นพยานในศาลเพื่อให้การช่วยเหลือ “จตุพร พรหมพันธุ์”

ทั้ง 2 คดีสำคัญ ที่สำนวนคดีแรก ต้องกลับไปเริ่มกระบวนการสืบพยานใหม่ทั้งหมด สำนวนคดีที่สอง ยกเลิกการพิพากษาออกไป เพื่อรอสืบพยานเพิ่มเติมอีก 6-7 ปาก และที่สำคัญ ทั้ง 2 สำนวน วันนี้ พบว่า ยังไม่มีการพิจารณาใดๆทั้งสิ้น ขณะที่มีข่าวซุบซิบในรั้วศาลเกิดขึ้นว่า...ไม่แน่ เราๆท่านๆอาจจะได้เห็น การจูบปากระหว่าง"อภิสิทธิ์ กับ จตุพร"เกิดขึ้น หลังพบว่า แนวโน้มการยอมความ เพื่อปรองดอง เป็นไปได้สูงทีเดียว!

00...โปรดระวังอีกคดี"รวยแต่โกง หลุดคดีชั้นอุทธรณ์"เพื่อย้ำเตือนความทรงจำของประชาชน ผู้รักความเป็นธรรม คือ เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2551 ศาลอาญา ได้มีคำพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ "นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์(จำเลยที่ 1) คุณหญิงพจมาน ชินวัตร (จำเลยที่ 2)และ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน(จำเลยที่ 3) "ฐานจงใจเลี่ยงภาษีบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่า 546 ล้านบาท โดยศาลพิพากษาจำคุก นายบรรณพจน์ และ คุณหญิงพจมาน คนละ 3 ปี ส่วน นางกาญจนาภา จำคุก 2 ปี

โดยท้ายคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ระบุว่า"จำเลยทั้งสามเป็นผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะกระทำผิดฐานให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอากร จำเลยที่ 2 เป็นกริยาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับผู้บริหารประเทศ จำเลยทั้งสามจึงนอกจากมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงพลเมืองดีทั่วๆ ไปแล้ว ยังควรดำรงตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีสมฐานะทางเศรษฐกิจ และสังคมด้วย แต่จำเลยทั้งสามกลับร่วมกันกระทำการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่เป็นธรรมต่อสังคมและระบบภาษี ทั้งๆ ที่จำนวนภาษีอากรที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระตามกฎหมาย และจำเลยที่ 2 จะเป็นผู้ชำระแทนในที่สุดนั้น เทียบไม่ได้กับจำนวนทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 และครอบครัวมีอยู่ในขณะนั้น การที่จำเลยที่ 1 จะชำระภาษีอากรไปตามกฎหมายเช่นพลเมืองดีทุกคน จึงมิได้มีผลกระทำต่อฐานะของจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามจึงร้ายแรง"

คดีดังกล่าวได้ต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ เหลือเวลาอีก 3 เดือน ก็จะครบ 3 ปีเต็มๆ และมีข่าวแว่วว่า...คดีนี้ใกล้ถึงวันที่ศาลอุทธรณ์ จะมีคำพิพากษาออกมาแล้ว

หากถอดรหัสการเมือง กรณี"คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร (ชินวัตร)"ว่าความจริงเขากลัวคดีนี้หรือไม่?หากศาลอุทธรณ์ พิพากษาเป็นโทษกับเขา อะไรจะเกิดขึ้น?

และหากทั้งศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษาไปในทางเดียวกัน ถือเป็นการปิดทาง การเข้าสู่ผู้นำทางการเมืองของ คุณหญิงพจมาน ใช่หรือไม่?

ขณะที่ความจริงของการเมืองพรรคเพื่อไทย คงไม่มีใครปฎิเสธว่า ตัวจริง เสียงจริง คือ "พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร (ชินวัตร)"โดยที่เขาเป็นทั้ง ตัวเปิด และตัวปิด ในเกมการเมือง ไปในคราวเดียวกันนอกจากนั้นวาระสำคัญของประเทศ คือครั้งนายปลอดประสพ สุรัสวดี แถลงข่าวแนวทางยุติความขัดแย้งตามแผนปรองดอง พบว่าครั้งนั้น"หญิงอ้อ"นี่แหละ คือแม่ทัพฝันปรองดอง ด้วยการนำทีมเจรจาลับแทน "แม้ว"ด้วยการประสานเจรจาทางลับกับผู้มีอำนาจฝ่ายรัฐบาล และสุดท้าย แผนปรองดองปล่อยตัว นปช.ผู้ก่อการร้าย ได้บังเกิดขึ้น

สำหรับคดีประวัติศาสตร์ (จำคุกหญิงอ้อ)ในข้างต้น จะเกี่ยวโยง หรือเกี่ยวข้องกับ แผนปรองดองอย่างไร กล่าวคือ....ว่ากันว่า คดีที่คุญหญิงอ้อ และ พลพรรค(ชินวัตร)เพื่อไทย กลัวที่สุด ก็โทษจำคุก 3 ปี ในคดีนี้แหละ!

ดังนั้น ถือเป็นอีกคดีสำคัญ ที่ต้องจับตามองว่ายุคปรองดอง ผลแห่งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จะออกมาอย่างไร..เป็นคุณ หรือ เป็นโทษ กับเมียทักษิณ!
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ไอ้ตู่ จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช.
กำลังโหลดความคิดเห็น