โฆษกเพื่อไทยฉะ ปชป.เล่นเกมการเมืองกล่าวหา “ยิ่งลักษณ์” เดินหน้านโยบายบ้านหลังแรกเอื้อ “เอสซีแอสเสท” แถมเล่นงานอัยการสูงสุดไม่ฎีกาคดีเลี่ยงภาษี “หญิงอ้อ” ขู่ระหว่างผิด รธน.ม.266 (1) เข้าข่ายถูกยื่นถอดถอน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมยื่นร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องจากโครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาลอาจเอื้อประโยชน์ต่อบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่าเป็นเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์
นายพร้อมพงศ์ระบุว่า นายกรัฐมนตรีก็ได้ชี้แจงแล้วว่าโครงการดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาลในการช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชน พร้อมทวงถามไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ที่เคยกล่าวไว้ว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์และให้โอกาสรัฐบาลในการทำงาน แต่กลับให้คนในพรรคมาดำเนินการในลักษณะดังกล่าว
ส่วนกรณีที่ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุดเพื่อขอสำเนาการพิจารณาคดี และเตรียมจะยื่นถอดถอนอัยการสูงสุดนั้น ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยตรวจสอบข้อกฎหมายแล้วพบว่าการดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ต้องการดิสเครดิตและโจมตีพรรคเพื่อไทย โดยไม่ได้มีการตรวจสอบข้อกฎหมาย ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 255 วรรค 2 ระบุไว้ชัดเจนถึงความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ของอัยการสูงสุด
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การที่อัยการสูงสุดไม่ฎีกาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นั้นพรรคเพื่อไทยเห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง พร้อมเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์อย่ากดดันการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการสูงสุด เพราะอาจเข้าข่ายการแทรกแซงการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการในหน้าที่ประจำของข้าราชการ อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 266 (1) ซึ่งอาจเข้าข่ายการยื่นถอดถอนให้ออกจากตำแหน่ง หรือขอให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญได้ อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาการทำหน้าที่ของอัยการสูงสุดตั้งแต่ยังไม่ขอสำเนาการพิจารณาคดีอีกด้วย
นายพร้อมพงศ์ยังระบุด้วยว่า พรรคเพื่อไทยได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนกรณีผู้นำชุมชนหักค่าหัวคิวในการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออก และจังหวัดพิษณุโลก โดยพรรคเพื่อไทยจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิด และช่วยเหลือให้ประชาชนได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากกรณีดังกล่าวสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการพรรคเพื่อไทยได้
ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนกรณีการติดตั้งกล้อง CCTV ปลอม ซึ่งมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า การประมูลกล้องจาก 4 บริษัท น่าจะเป็นการล็อกสเปกเครื่อง อีกทั้งการจัดซื้อสายเคเบิลก็ยังมีราคาสูงกว่าท้องตลาด จากราคาจริงไม่ถึง 100 บาท แต่มีการทำบัญชีราคาสายเคเบิลถึง 400 บาท ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะนำข้อมูลดังกล่าวส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ดำเนินการตรวจสอบต่อไป
