ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 2 ปี โทษจำคุกรอการลงโทษ 2 ปี ปรับ 10,000 บาท แต่แก้คำพิพากษาให้เป็นไปตามข้อกฎหมายมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หนุ่มวิศวกรเมาแล้วขับชน “จ.ส.ต.” เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจร สน.ทางด่วนเสียชีวิต
วันนี้ (29 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายปกรณ์ เกษมวุฒิ อายุ 28 ปี วิศวกรบริษัทเอกชน เป็นจำเลยในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราและขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินเสียหาย
โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องวันที่ 12 ก.ค.51 จำเลยขับรถยนต์ฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน สฐ 5545 กรุงเทพมหานคร ในขณะเมาสุรา ชนท้ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อแฟนท่อม หมายเลขทะเบียน ปลข 224 กรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้ จ.ส.ต.เอก พิบูลย์สวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจร สน.ทางด่วน 2 ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบริเวณสะพานต่างระดับข้ามถนนลาดพร้าว จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.52 พิพากษาจำคุกฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 4 ปี ปรับ 20,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 2 ปี โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ปรับ 10,000 บาท โจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์จากการสืบเสาะประวัติจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการบริษัทวิศวกรก่อสร้างแห่งหนึ่ง หลังเกิดเหตุจำเลยไปร่วมงานศพของผู้ตายทุกคืน และเป็นเจ้าภาพ 1 คืน นอกจากนี้ยังนำพระเครื่องไปเป็นของชำร่วยในงานศพด้วย อีกทั้งจำเลยไปบวชอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย แสดงให้เห็นว่าจำเลยสำนึกผิดและบรรเทาผลร้ายแก่ครอบครัวผู้ตายแล้ว แม้ว่าจำเลยจะเสนอเงินให้จำนวน 3 ล้านบาท แต่ทางญาติของผู้ตายปฏิเสธไม่ขอรับ โดยเรียกค่าเสียหายจำนวน 10 ล้านก็ตาม ที่ศาลชั้นต้นมีพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย
แต่ให้แก้คำพิพากษาให้เป็นไปตามข้อกฎหมายว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 ตรี วรรคสี่ อันเป็นบทหนักสุด ลงโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 20,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 2 ปี โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ปรับ 10,000 บาท คุมความประพฤติของจำเลยโดยให้ไปรายงาตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ รวม 4 ครั้ง ภายใน 1 ปี บริการสังคมไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมง ส่วนเงิน 3 ล้านบาทที่จำเลยวางไว้กับศาลเพื่อชดใช้ค่าเสียหายแก่ญาติผู้ตายนั้น ห้ามถอนคืนจนกว่าการเรียกร้องค่าเสียหายจะจบสิ้น และให้ถือว่าเงินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของค่าสินไหมทดแทนของฝ่ายผู้เสียหาย แต่แก้คำพิพากษาให้เป็นไปตามข้อกฎหมายมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
