อธิบดีอัยการคดีอาญา เผยอยู่ระหว่างตรวจสำนวน-ข้อกฎหมายองค์ประกอบความผิด คดี “ไชยวัฒน์-สมบูรณ์-การุณ” ชุมนุมสนามบิน และทำเนียบ ปี 51 เลยสั่งคดีไม่ทันในวันนี้ จำเป็นต้องปล่อยขาดไม่ต้องทำสัญญาประกัน “การุณ ใสงาม” เพราะอัยการขอศาลควบคุมครบแล้ว 4 ครั้ง พร้อมตั้งคณะทำงานตรวจสำนวนที่มากถึง 40 ลัง
วันนี้ (22 มี.ค.) นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำพยานหลักฐานและสำนวนคดีพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ และ นายการุณ ใสงาม แกนนำและแนวร่วมเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ กรณีร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และทำเนียบรัฐบาลเมื่อปี 2551 ว่า ในวันนี้จะเป็นวันครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 4 ของ นายการุณ แต่อัยการอยู่ระหว่างตรวจข้อเท็จจริงในสำนวนและข้อกฎหมายเรื่ององค์ประกอบความผิด จึงไม่อาจสั่งคดีได้ทันในวันนี้ ดังนั้น จำเป็นต้องปล่อยนายการุณ ที่ถูกข้อหาเล็กๆ เพราะอัยการมีอำนาจขอศาลควบคุมได้เพียง 4 ครั้ง ซึ่งครบแล้วทำให้นายการุณได้รับการปล่อยขาดไม่ต้องทำสัญญาประกัน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีผลอะไร เพราะ นายการุณ ได้รับการปล่อยตัวในชั้นศาลไปก่อนแล้ว ส่วนนายไชยวัฒน์ และนายสมบูรณ์ อัยการมีอำนาจขอฝากขังได้อีก 3 ครั้งๆ ละ 12 วัน
อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า คดีนี้ตนได้ตั้งคณะทำงานโดยให้อัยการที่อยู่ในฝ่ายคดีอาญาต่างๆ กว่า 10 คน มาร่วมกันพิจารณาสำนวน ซึ่งมีมากถึง 40 ลัง ขณะที่พนักงานสอบสวนได้สรุปเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ปลายปี 2551 อีกทั้งยังได้แยกย่อยเหตุการณ์ของผู้ต้องหาแต่ละคนไว้ จึงทำให้มีรายละเอียดจำนวนมาก ซึ่งการพิจารณาสำนวนอัยการจะดูภาพรวมทั้งหมด โดยคดีนี้มีผู้ต้องหามากถึง 114 คน แต่เวลานี้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องเพียง 3 คน คือ นายไชยวัฒน์ นายสมบูรณ์ และนายการุณ เท่านั้น ส่วนแกนนำพันธมิตรฯ และ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาด้วย พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ส่งสำนวนเข้ามา โดยได้มีการประสานว่าจะต้องส่งสำนวนประมาณเดือนเมษายน ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าการพิจารณาสำนวนคดีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ จะพิจารณาไปพร้อมกันกับสำนวนแรก และต้องใช้เวลาพอสมควร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏว่านายไชยวัฒน์ นายสมบูรณ์ และนายการุณ จะได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการ สำหรับผู้ต้องหาอื่นที่อยู่ระหว่างการส่งสำนวนหากมีใครที่เป็น ส.ส.ก็ต้องดูว่าอยู่ในช่วงเปิดประชุมสภาที่อาจได้รับเอกสิทธิ์ในการคุ้มครอง จึงจะต้องรอให้ปิดสภาก่อน ส่วนนายกษิต ซึ่งไม่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ก็ต้องดูกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ว่า จะได้รับเอกสิทธิ์ด้วยหรือไม่เพราะปกติในคดีอาญาหากมีตัวผู้ต้องหาก็จะต้องนำมาส่งให้อัยการด้วย แต่ทั้งนี้ หากยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาอัยการก็จะประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาส่งต่อไป
นายกายสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนคดีที่ 9 แกนนำพันธมิตรฯถูกตั้งข้อหาร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และข้อหาอื่นๆ ในการชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลที่พนักงานสอบสวนได้ส่งให้อัยการพิจารณาก่อนหน้านี้ก็คงจะได้มีการนำสำนวนมาพิจารณาไปพร้อมกับสำนวนใหม่ที่กำลังจะได้รับ เพราะพฤติการณ์และเหตุการณ์มีความเกี่ยวพันกัน
วันนี้ (22 มี.ค.) นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำพยานหลักฐานและสำนวนคดีพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ และ นายการุณ ใสงาม แกนนำและแนวร่วมเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ กรณีร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และทำเนียบรัฐบาลเมื่อปี 2551 ว่า ในวันนี้จะเป็นวันครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 4 ของ นายการุณ แต่อัยการอยู่ระหว่างตรวจข้อเท็จจริงในสำนวนและข้อกฎหมายเรื่ององค์ประกอบความผิด จึงไม่อาจสั่งคดีได้ทันในวันนี้ ดังนั้น จำเป็นต้องปล่อยนายการุณ ที่ถูกข้อหาเล็กๆ เพราะอัยการมีอำนาจขอศาลควบคุมได้เพียง 4 ครั้ง ซึ่งครบแล้วทำให้นายการุณได้รับการปล่อยขาดไม่ต้องทำสัญญาประกัน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีผลอะไร เพราะ นายการุณ ได้รับการปล่อยตัวในชั้นศาลไปก่อนแล้ว ส่วนนายไชยวัฒน์ และนายสมบูรณ์ อัยการมีอำนาจขอฝากขังได้อีก 3 ครั้งๆ ละ 12 วัน
อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า คดีนี้ตนได้ตั้งคณะทำงานโดยให้อัยการที่อยู่ในฝ่ายคดีอาญาต่างๆ กว่า 10 คน มาร่วมกันพิจารณาสำนวน ซึ่งมีมากถึง 40 ลัง ขณะที่พนักงานสอบสวนได้สรุปเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ปลายปี 2551 อีกทั้งยังได้แยกย่อยเหตุการณ์ของผู้ต้องหาแต่ละคนไว้ จึงทำให้มีรายละเอียดจำนวนมาก ซึ่งการพิจารณาสำนวนอัยการจะดูภาพรวมทั้งหมด โดยคดีนี้มีผู้ต้องหามากถึง 114 คน แต่เวลานี้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องเพียง 3 คน คือ นายไชยวัฒน์ นายสมบูรณ์ และนายการุณ เท่านั้น ส่วนแกนนำพันธมิตรฯ และ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาด้วย พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ส่งสำนวนเข้ามา โดยได้มีการประสานว่าจะต้องส่งสำนวนประมาณเดือนเมษายน ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าการพิจารณาสำนวนคดีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ จะพิจารณาไปพร้อมกันกับสำนวนแรก และต้องใช้เวลาพอสมควร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏว่านายไชยวัฒน์ นายสมบูรณ์ และนายการุณ จะได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการ สำหรับผู้ต้องหาอื่นที่อยู่ระหว่างการส่งสำนวนหากมีใครที่เป็น ส.ส.ก็ต้องดูว่าอยู่ในช่วงเปิดประชุมสภาที่อาจได้รับเอกสิทธิ์ในการคุ้มครอง จึงจะต้องรอให้ปิดสภาก่อน ส่วนนายกษิต ซึ่งไม่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ก็ต้องดูกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ว่า จะได้รับเอกสิทธิ์ด้วยหรือไม่เพราะปกติในคดีอาญาหากมีตัวผู้ต้องหาก็จะต้องนำมาส่งให้อัยการด้วย แต่ทั้งนี้ หากยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาอัยการก็จะประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาส่งต่อไป
นายกายสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนคดีที่ 9 แกนนำพันธมิตรฯถูกตั้งข้อหาร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และข้อหาอื่นๆ ในการชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลที่พนักงานสอบสวนได้ส่งให้อัยการพิจารณาก่อนหน้านี้ก็คงจะได้มีการนำสำนวนมาพิจารณาไปพร้อมกับสำนวนใหม่ที่กำลังจะได้รับ เพราะพฤติการณ์และเหตุการณ์มีความเกี่ยวพันกัน