xs
xsm
sm
md
lg

“ศอ.รส.” ลุแก่อำนาจ แจ้ง มท.เอาผิด พธม.ลักลอบใช้น้ำไฟ-ขู่จับคนด่า “มาร์ค”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.
“วิเชียร” ผอ.ศอ.รส.ลุแก่อำนาจ ประสานปลัดมหาดไทย แจ้งจับ พันธมิตรฯ กล่าวหาลักทรัพย์ของราชการ ลักลอบใช้ไฟ ใช้น้ำในที่ชุมนุม โดยยอมรับตำรวจมีแนวคิดสลายการชุมนุม แต่ต้องรอจังหวะ พร้อมสั่งเข้มรักษาความปลอดภัย นายกฯ ชี้ ใครตะโกนด่าถ้อยคำหยาบคาย และเข้าข่ายหมิ่นประมาท ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นรายๆ ไป

วันนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ศอ.รส.แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.ได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบในกรณีที่มีผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ลักลอบต่อกระแสไฟฟ้าจากสายไฟบริเวณถนนราชดำเนินนอก เพื่อนำไปใช้ในการชุมนุม รวมทั้งยังมีการลักลอบใช้น้ำประปา ดังนั้น จึงอยากให้ทางการไฟฟ้านครหลวง และการประปานครหลวง ดำเนินการตรวจสอบและร้องทุกข์กล่าวโทษ ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของราชการ ซึ่งในกรณีที่มีการลักลอบใช้น้ำประปา และไฟฟ้าในที่ชุมนุมต้องดูว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบการชุมนุม ซึ่งเมื่อทราบแล้วก็อาจจะมีการออกหมายเรียก มารับทราบข้อกล่าว หากไม่มารายงานตัวก็ต้องออกหมายจับ

ส่วนการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อขอเปิดถนนเพื่อใช้ในการจัดงานกาชาดนั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รองผบช.น.ได้เข้าการเจราจรกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายแซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำกลุ่ม พธม.เพื่อขอพื้นที่เตรียมจัดงานกาชาด ซึ่ง พล.ต.จำลอง ได้รับข้อเสนอ แต่ต้องนำเข้าหารือกับคณะกรรมการอีกครั้งว่าจะยินยอมให้เปิดพื้นที่การชุมนุมหรือไม่ ซึ่งคงต้องรอดูผลการประชุมดังกล่าว แต่ทาง ศอ.รส. เชื่อว่า การที่รับข้อเสนอในการเปิดพื้นที่เพื่อพิจารณาทั่งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธไม่ยอมเปิดพื้นที่ จึงเชื่อว่าจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้ อยากให้ พธม.พิจารณาถึงส่วนร่วม เนื่องจากงานกาชาดเป็นงานของส่วนรวมและทำเพื่อผู้ด้อยโอกาส จึงอยากให้กลุ่ม พธม.ตัดสินใจคืนพื้นที่

เมื่อถามว่า หากการเจราจาไม่เป็นผล จะมีมาตรการอย่างไรต่อไป พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ทางตำรวจเจรจามาอย่างต่อเนื่อง และมีมาตรการที่จะดำเนินการต่อไปอยู่แล้ว ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ชุมนุมมีจำนวนไม่มาก เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงไม่ใช้โอกาสนี้สลายการชุมนุมนั้น ขอยืนยันว่า เรามีแนวคิดดังกล่าว แต่ต้องรอจังหวะ รวมทั้งตำรวจเองมีความกังวลในเรื่องของความรุนแรงที่จะตามมาหากสลายการชุมนุม หากผู้ชุมนุมขัดขืน และเจ้าหน้าที่ตอบโต้ ผู้ชุมนุมเองอาจได้รับบาดเจ็บ และเกิดความวุ่นวายตามมา ที่ตำรวจยอมเพื่อไม่ให้เกิดความกระทบกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องใช้การเจรจาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในการเข้าขอคืนพื้นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ถูกผู้ชุมนุมยิงหนังสติ๊ก ไม้แหลมทำร้ายร่างกาย แต่เราก็เลือกที่จะไม่ตอบโต้ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย

ส่วนกระแสข่าวที่ว่า มีผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางไปบริเวณหน้าบ้านพัก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า จากการตรวจสอบทราบว่าเมื่อเวลา 13.00 น.ของวันนี้ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำกลุ่ม พธม.พร้อมพวกรวม 6 คน ได้เดินทางไปรับประทานอาหารในโรงแรมหน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ พล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต ผบก.น.5 เข้าไปดูแลสถานการณ์อยู่ หากผู้ชุมนุมเข้าไปโดยสันติ และไม่สร้างความเดือดร้อน ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ถ้าบุกรุกเข้าไปเพื่อสร้างความวุ่นวายจะมีความผิดตามมาตรา 24 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่มีโทษ จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่มีแกนนำที่ได้รับประกันตัว และพาผู้ชุมนุมสร้างความวุ่นวายบริเวณดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จะมาดูว่าพฤติกรรมดังกล่าวขัดกับเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ ถ้ามีการกระทำที่ขัดกับเงื่อนไขการประกันตัว ก็ยื่นเรื่องเพื่อถอนการประกันตัวต่อไป

ส่วนมาตรการดูแลนายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ต่างๆ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ทาง ตร.ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าไปดูแลให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ นายกรัฐมนตรีจะต้องไปพูดปราศรัย หรือปาฐกถา และมีประชาชนรับฟังจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น โดยจะมีการประสานงานกับ รปภ.นายกฯ และฝ่ายเลขานุการ อย่างไรก็ตาม หากมีประชาชนชูป้าย ทางนายกฯ ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นตามหลักประชาธิปไตย สำหรับการตะโกนต่อว่าหากเป็นถ้อยคำหยาบคาย ก็ไม่เหมาะสม หากเป็นถ้อยคำที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท เจ้าหน้าที่ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นรายๆ ไป

พล.ต.ต.ประวุฒิ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ว่า เชื่อว่า วันดังกล่าวจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาร่วมการชุมนุมจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการรวมตัวกันประมาณ 28,000 คน แต่ครั้งนี้น่าจะมากกว่าเดิมอีก 10,000 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความเข้มงวดกับบุคคลที่จะเข้ามาชุมนุม โดยจะมีการประสานไปยังแกนนำเพื่อกำหนดจุดตรวจค้น และตั้งจุดตรวจโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ไม่หวังดีนำอาวุธเข้ามาเพื่อสร้างความวุ่นวาย
กำลังโหลดความคิดเห็น