ศอ.รส.วางมาตรการจัดเข้มจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ตำรวจ 4 กองร้อย ดูแลศาลอาญารับมือม็อบเสื้อแดงจะชุมนุม 13 ก.พ.พร้อมจัด 6 กองร้อยดูแลพันธมิตรฯ หวั่นมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ป่วน และเกิดปะทะกันเอง
วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ศอ.รส.พร้อมด้วย พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก ศอ.รส.แถลงการประชุม ศอ.รส.ในวันนี้ ว่า เรื่องหลักในวันนี้ คือ การวางแผนการดูแลการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 13 ก.พ.ที่กลุ่มเสื้อแดงนัดหมายชุมนุมกันเวลา 13.00 น.ที่หน้าศาลอาญา ประมาณ 15 นาที ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังบริเวณหน้าศาลอาญา 4 กองร้อย บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 6 กองร้อย ดูแลระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ และ นปช.จำนวน 3 กองร้อย นอกจากนี้ ยังมีชุดเคลื่อนที่เร็ว ตำรวจจราจร และตำรวจนอกเครื่องแบบอีกจำนวนหนึ่ง
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณหน้ารัฐสภาในวันนี้ ถึงแม้จะมีการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯ ไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า และมีแกนนำบางคนพยายามที่จะเข้าไปในรัฐสภา แต่ไม่สามารถทำได้ และเจ้าหน้าที่รักษาสถานการณ์ได้อย่างเรียบร้อยดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผบ.ตร.สั่งกองกำลังเข้มงวดในการตรวจสอบคนที่ไม่เกี่ยวข้อง หากเข้าไปยังรัฐสภาให้จับกุมได้ทันที นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่มีเพียง 200 คน ที่ถนนราชดำเนิน แต่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เป็น 1,200 คน ทางตำรวจไม่แน่ใจว่ามีการนัดหมายมาล่วงหน้าหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเตรียมความพร้อมทำให้ไม่เกิดปัญหา เพราะคาดการณ์สถานการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว และมี พ.ร.บ.ความมั่นคงมาดูแลความเรียบร้อย
สำหรับการเจรจาเพื่อเปิดการจราจรจากกลุ่มพันธมิตรฯ ตอนนี้ยังไม่ได้ผล จะต้องมีการเจรจากันอีกครั้ง แต่มีสัญญาณที่ดีจากแกนนำบางท่าน แต่หากการเจรจาในครั้งต่อๆ ไป ไม่สำเร็จก็จะใช้มาตรการเข้าไปคลี่คลายและใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้เราเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด และยังเป็นห่วงกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่มจะปะทะกัน โดยจุดนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้หาวิธีป้องกันไว้แล้ว โดยให้เจ้าหน้าที่กั้นไว้แยกต่อแยก และให้ไกลกันอย่างน้อยที่สุด 1 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พยายามไม่ใช้กำลัง เนื่องจากไม่อยากให้มีปัญหา หรือเกิดการสูญหายเหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า การข่าวมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มฮาร์ดคอร์ หรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่พบการเคลี่อนไหว แต่เรากังวลในทุกๆ เรื่อง จะเห็นได้จากเมื่อวันนี้ จับกุมชายหนุ่มที่พกอาวุธปืนไรเฟิล แม้ไม่มีหลักฐานว่าจะมีความเชื่อมโยง แต่ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน หรือแม้กระทั่งขณะนี้ ก็พบบางจุดของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่พบไม้ไผ่ปลายแหลม และรัดธงชาติไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่เคยยอมให้มีได้ และทำให้ผู้ชุมนุมนำไปใช้เป็นอาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้คงไม่ยอมให้นำมาใช้ได้อีก
ทางด้าน พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร กล่าวว่า ทาง ศอ.รส.ได้เปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างตำรวจและประชาชน 4 ช่องทาง ประกอบด้วย www.capo.police.go.th , ทางเฟซบุ๊ค โดยสามารถพิมพ์คำว่า “ศอ.รส.”, ทางทวิตเตอร์ พิมพ์คำว่า “capo” และคอลเซ็นเตอร์ที่หมายเลข 1599 ช่องทางดังกล่าวประชาชนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะ และแจ้งข่าวสารความเคลื่อนไหว หรือข้อสงสัยต่างๆ ได้
