ศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ผู้กำกับดัง “นนทรีย์ นิมิบุตร” หลังค้ำประกันหนี้ 3 ล้านแล้วไม่ยอมจ่าย
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ ศาลล้มละลายกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในคดีที่ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ อินเตอร์แคปปิตอล อาลีอัลซ์ จำกัด เป็นโจทก์ฟ้องนายนนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลาย ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 8, 9 โดยให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือ จพท.มีอำนาจหน้าที่ จัดประชุมเจ้าหน้าเพื่อเรียกให้ลูกหนี้เข้ามาเจรจาประนอมหนี้ หรือใช้หนี้ และ รวบรวมจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของ นายนนทรีย์ ทุกกรณี กับทั้งมีอำนาจดูแลรักษาทรัพย์ของนายนนทรีย์ โดยจำเลยไม่มีอำนาจจัดการทรัพย์สินได้ด้วยตนเองอีกต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
คดีนี้ บริษัท อินเตอร์แคปปิตอลฯ ยื่นฟ้อง นายนนทรีย์ เป็นคดีดำที่ 7221/2553 เมื่อกลางปี 53 บรรยายฟ้องสรุป ว่า จำเลยได้เข้าค้ำประกันหนี้ ให้กับลูกหนี้ชั้นต้นรายหนึ่ง เป็นเงินจำนวน 3 ล้านบาทเศษ ต่อมาลูกหนี้ดังกล่าวไม่ยอมชำระหนี้ บริษัทจึงเรียกให้จำเลยซึ่งอยู่ในฐานะต้องผูกพันกับลูกหนี้จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ จึงได้มีหนังสือทวงถามไปยังจำเลยหลายครั้ง แต่ก็เพิกเฉย บริษัทจึงฟ้องต่อศาลล้มละลาย ว่า จำเลยเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว หนี้ดังกล่าวมีจำนวนกว่า 1 ล้านบาท ขอให้ศาลบังคับให้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ย
โดยศาลเห็นว่า จำเลยมีพฤติการณ์ครบองค์ประกอบเป็นบุคคลต้องถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จึงมีคำสั่งในวันที่ 24 พ.ย.53 (แดงที่ 15804/2553) ให้จำเลยใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยแก่บริษัทอินเตอร์แคปปิตอลฯ เป็นเงิน 3,851,576.76 บาท พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ
ภายหลัง จพท.จะได้ส่งหมายเรียก นายนนทรีย์ ให้ มาพบผู้แทนของฝ่ายโจทก์ที่ศาลล้มละลายกลาง เพื่อเจรจาชำระหนี้ครั้งที่ 1 หาก นายนนทรีย์ ไม่มาอีก และเจ้าหนี้ยังยืนยันจะให้ชำระหนี้แก่ตน จพท.จะรายงานศาลว่า นายนนทรีย์ สมควรเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลอาจจะมีคำพิพากษาให้ นายนนทรีย์ ตกเป็นบุคคลล้มละลายในช่วงระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา และหาก นายนนทรีย์ ยังไม่ชำระหนี้ต่อไปอีก ก็อาจถูกขยายระยะเวลาเป็นบุคคลล้มละลายต่อไปอีก 2 ปี รวม 5 ปี โดย บุคคลล้มละลายจะไม่มีอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของตนเองทุกๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีธนาคาร หรือ ทำบัตรเครดิต จำหน่ายจ่ายโอนบ้าน รถยนต์ ที่ดิน จะทำไม่ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อ นายนนทรีย์ แล้วแต่นายนนทรีย์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ส่วนทนายความของนายนนทรีย์ กล่าวสั้นๆ ว่า ศาลไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อเท็จจริงในคดี จึงไม่สามารถเปิดเผยได้
