กกต.มีมติส่งเรื่องให้ประธานสภา ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ สอย “เผด็มชัย” พ้นสภาพ ส.ส.เหตุเป็นบุคคลล้มละลาย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เสนอว่า การที่ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคเพื่อไทย ต้องคำพิพากษาศาลล้มละลายกลางให้เป็นบุคคลล้มละลาย เป็นเหตุให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106(5) จึงให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ไปยกร่างคำวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อส่งเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ขอให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
อย่างไรก็ตาม ในชั้นของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนนั้น ได้มีการขอคำพิพากษาจากศาลล้มละลายกลาง ซึ่งก็ยืนยันว่า คำพิพากษาดังกล่าวถือว่าถึงที่สุดแล้ว รวมทั้งขอเอกสารจากสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และได้ให้โอกาสนายเผดิมชัย ยื่นแสดงหลักฐาน และมาชี้แจงอย่างเต็มที่ โดยเจ้าตัวก็ได้ส่งเป็นเอกสาร และให้ผู้แทนมาชี้แจง รวมทั้งขอขยายเวลาการเข้าชี้แจง แต่คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้จากศาลล้มละลายกลางมีน้ำหนัก จึงได้เสนอความเห็นดังกล่าวต่อที่ประชุม กกต.
นายสุทธิพล กล่าวว่า กรณีนี้เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่อง และศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัย นายเผดิมชัย ยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นคนละกรณีกับการทุจริตเลือกตั้ง ที่เมื่อศาลฎีการับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัย ส.ส.ที่ถูกกล่าวหาจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน แต่ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมาแล้วมีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ถ้านายเผดิมชัย มาลงสมัครรับเลือกตั้ง กกต.ก็ต้องวินิจฉัยว่า ขณะลงสมัครนายเผดิมชัย ยังมีสถานะเป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 102(2) บัญญัติเป็นลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครเอาไว้ แต่ทราบเบื้องต้นในขณะนี้ว่านายเผดิมชัย กำลังเจรจากับคู่กรณีเพื่อให้พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายอยู่
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เสนอว่า การที่ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคเพื่อไทย ต้องคำพิพากษาศาลล้มละลายกลางให้เป็นบุคคลล้มละลาย เป็นเหตุให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106(5) จึงให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ไปยกร่างคำวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อส่งเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ขอให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
อย่างไรก็ตาม ในชั้นของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนนั้น ได้มีการขอคำพิพากษาจากศาลล้มละลายกลาง ซึ่งก็ยืนยันว่า คำพิพากษาดังกล่าวถือว่าถึงที่สุดแล้ว รวมทั้งขอเอกสารจากสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และได้ให้โอกาสนายเผดิมชัย ยื่นแสดงหลักฐาน และมาชี้แจงอย่างเต็มที่ โดยเจ้าตัวก็ได้ส่งเป็นเอกสาร และให้ผู้แทนมาชี้แจง รวมทั้งขอขยายเวลาการเข้าชี้แจง แต่คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้จากศาลล้มละลายกลางมีน้ำหนัก จึงได้เสนอความเห็นดังกล่าวต่อที่ประชุม กกต.
นายสุทธิพล กล่าวว่า กรณีนี้เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่อง และศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัย นายเผดิมชัย ยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นคนละกรณีกับการทุจริตเลือกตั้ง ที่เมื่อศาลฎีการับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัย ส.ส.ที่ถูกกล่าวหาจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน แต่ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมาแล้วมีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ถ้านายเผดิมชัย มาลงสมัครรับเลือกตั้ง กกต.ก็ต้องวินิจฉัยว่า ขณะลงสมัครนายเผดิมชัย ยังมีสถานะเป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 102(2) บัญญัติเป็นลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครเอาไว้ แต่ทราบเบื้องต้นในขณะนี้ว่านายเผดิมชัย กำลังเจรจากับคู่กรณีเพื่อให้พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายอยู่
