รวบหนุ่มเยอรมัน หลอกขายสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ หรือส่วนแบ่งไทม์แชริง ทางอินเทอร์เน็ต ให้คนบ้านเดียวกัน 80 คดี ทั้งที่บริษัทล้มละลายแล้ว ทำให้มีผู้เสียหายชาวเยอรมันเกือบ 100 ราย หลงเชื่อ รับสารภาพร่วมกับเพื่อนฉ้อโกงจริง รวมเงินได้จากหลอกเหยื่อ 2.5 แสนยูโร ขณะที่ตำรวจส่งตัวให้ทางการเยอรมนีรับตัวไปดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.สตม. พล.ต.ต.ม.ล.พันธุ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก ผบก.บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.บก.สส.สตม. พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.1 บก.สส.สตม.แถลงการจับกุม นายยอเคน เยอร์เกน ฟูหร์มันน์ อายุ 44 ปี สัญชาติเยอรมัน ผู้ต้องหาตามหมายจับสำนักงานตำรวจแห่งรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน ในข้อหาฉ้อโกงอย่างร้ายแรงและปลอมแปลงเอกสารรวม 80 คดี
พล.ต.ท.วิบูลย์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 41 นายยอเคน กับเพื่อนได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท วีซีไอ แอท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ พาร์ค ลิมิเตด ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการขายสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ หรือ ส่วนแบ่งไทม์แชริง โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต จนกระทั่งปี 46 บริษัทประสบภาวะขาดทุนจนล้มละลายต้องปิดกิจการลง แต่ นายยอเคน ยังคงแอบทำธุรกิจต่อด้วยการลงประกาศทางอินเทอร์เน็ต เพื่อหลอกลวงเหยื่อด้วยการชักชวนให้ชาวเยอรมันมาซื้อสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ จนมีผู้เสียหายชาวเยอรมัน จำนวน 80-100 ราย หลงเชื่อ สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.วิบูลย์ กล่าวต่อไปว่า ต่อมาผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์กับทางการเยอรมนีให้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนจะทำการออกหมายจับนายยอเคนไว้ จนกระทั่งทางการเยอรมนีสืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย จึงประสานมายัง สตม.ให้ยกเลิกหนังสือเดินทาง และช่วยติดตามจับกุมตัวนายยอเคน ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม.ได้สืบสวนจนพบว่า นายยอเคน ได้หลบหนีเข้ามาในประเทศตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.51 โดยเข้ามาเรียนภาษาไทยอยู่ที่โรงเรียนวาเลน เลขที่ 194/74-75 ซอยเพนียดช้าง ถนนพัทยากลาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สตม.
จากการสอบสวน นายยอเคน ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนฉ้อโกงผู้เสียหายชาวเยอรมันจริง โดยหลังจากบริษัทล้มละลาย ตนกับเพื่อนก็ได้หลอกลวงชาวเยอรมันทางอินเทอร์เน็ตให้มาซื้อสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ต่อไป แต่ตนได้ส่วนแบ่งมาเพียง 25% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเพื่อนเป็นคนเอาไปทั้งหมด รวมเป็นเงินที่ได้จากการฉ้อโกงประมาณ 250,000 ยูโร และเพื่อนตนก็ถูกจับกุมไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ตนจะขอกลับไปสู้คดีที่ประเทศเยอรมนีต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สตม.ได้เพิกถอนสิทธิ์การอยู่ในราชอาณาจักรของนายยอเคน ก่อนส่งตัวให้ทางการเยอรมนีรับตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.สตม. พล.ต.ต.ม.ล.พันธุ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก ผบก.บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.บก.สส.สตม. พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.1 บก.สส.สตม.แถลงการจับกุม นายยอเคน เยอร์เกน ฟูหร์มันน์ อายุ 44 ปี สัญชาติเยอรมัน ผู้ต้องหาตามหมายจับสำนักงานตำรวจแห่งรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน ในข้อหาฉ้อโกงอย่างร้ายแรงและปลอมแปลงเอกสารรวม 80 คดี
พล.ต.ท.วิบูลย์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 41 นายยอเคน กับเพื่อนได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท วีซีไอ แอท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ พาร์ค ลิมิเตด ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการขายสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ หรือ ส่วนแบ่งไทม์แชริง โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต จนกระทั่งปี 46 บริษัทประสบภาวะขาดทุนจนล้มละลายต้องปิดกิจการลง แต่ นายยอเคน ยังคงแอบทำธุรกิจต่อด้วยการลงประกาศทางอินเทอร์เน็ต เพื่อหลอกลวงเหยื่อด้วยการชักชวนให้ชาวเยอรมันมาซื้อสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ จนมีผู้เสียหายชาวเยอรมัน จำนวน 80-100 ราย หลงเชื่อ สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.วิบูลย์ กล่าวต่อไปว่า ต่อมาผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์กับทางการเยอรมนีให้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนจะทำการออกหมายจับนายยอเคนไว้ จนกระทั่งทางการเยอรมนีสืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย จึงประสานมายัง สตม.ให้ยกเลิกหนังสือเดินทาง และช่วยติดตามจับกุมตัวนายยอเคน ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม.ได้สืบสวนจนพบว่า นายยอเคน ได้หลบหนีเข้ามาในประเทศตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.51 โดยเข้ามาเรียนภาษาไทยอยู่ที่โรงเรียนวาเลน เลขที่ 194/74-75 ซอยเพนียดช้าง ถนนพัทยากลาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สตม.
จากการสอบสวน นายยอเคน ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนฉ้อโกงผู้เสียหายชาวเยอรมันจริง โดยหลังจากบริษัทล้มละลาย ตนกับเพื่อนก็ได้หลอกลวงชาวเยอรมันทางอินเทอร์เน็ตให้มาซื้อสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ต่อไป แต่ตนได้ส่วนแบ่งมาเพียง 25% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเพื่อนเป็นคนเอาไปทั้งหมด รวมเป็นเงินที่ได้จากการฉ้อโกงประมาณ 250,000 ยูโร และเพื่อนตนก็ถูกจับกุมไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ตนจะขอกลับไปสู้คดีที่ประเทศเยอรมนีต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สตม.ได้เพิกถอนสิทธิ์การอยู่ในราชอาณาจักรของนายยอเคน ก่อนส่งตัวให้ทางการเยอรมนีรับตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
