รวบหนุ่มชาวลาว ร่วมกับพวกใช้ค้อนและไม้หน้าสาม ทุบตีผู้รับเหมาระบบไฟฟ้าจนเสียชีวิต แล้วมัดมือไพล่หลังยัดถังน้ำมัน 200 ลิตร ขนขึ้นกระบะนำไปโยนทิ้งก้นเหว แล้วขับกระบะของผู้ตายตระเวนขาย รับสารภาพหนีเข้าไทยมาเป็นคนงานก่อสร้าง เปลี่ยนนายจ้างไปเรื่อย จนมารู้จักกับเพื่อนร่วมก่อเหตุ โดนสั่งให้ใช้ค้อนกระหน่ำตีผู้ตาย ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
วันนี้ (2 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ บก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงศ์แป้น รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรนิตย์ สวนคร้ามดี ผกก.2 กก.สส.บช.น. และ พ.ต.ท.อรรถพร สุริยเลิศ รอง ผกก.2 กก.สส.บช.น.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.บช.น. แถลงการจับกุม นายวัน หรือ วันศรี หรือ บอย อายุ 25 ปี สัญชาติลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 182/2554 ลงวันที่ 2 ก.พ.54 ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลบ้านไร่ (ลิน) ต.ศิลาทอง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พร้อมของกลางรถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน ตพ 2109 กทม.
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา นายวัน พร้อมพวกอีก 2 คน คือ นายศักดา หรือ ป๋อง บุญบำรุง อายุ 33 ปี ผู้รับเหมา ชาวจังหวัดกำแพงเพชร และ นายปอง เกตุแก้ว อายุ 20 ปี เพื่อนคนงานชาวลาว ได้ร่วมกันใช้ค้อนกับไม้หน้าสาม ทุบตี นายบุญช่วย บุญนา อายุ 49 ปี ผู้รับเหมาระบบไฟฟ้าตามไซต์งานต่างๆ จนถึงแก่ความตาย ภายในไซต์งานก่อสร้างอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่ สน.ดุสิต จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ก็นำศพ นายบุญช่วย มัดมือไพล่หลังนำยัดใส่ถังน้ำมัน 200 ลิตร ก่อนขนขึ้นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ตพ 2109 กทม.ของผู้ตาย ขับไปทิ้งก้นเหวในพื้นที่ อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ทั้ง 3 คน ได้แยกกันหลบหนี โดย นายศักดา ขับรถกระบะของผู้ตาย พานายปอง หนีไป จนกระทั่งมาถูกจับขณะขับผ่านเข้าด่านตรวจของตำรวจ สภ.บางเลน จ.นครปฐม เมื่อเวลา 05.00 น.ของวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมรถกระบะและอาวุธปืนเถื่อนอีก 1 กระบอก โดยเจ้าหน้าที่ สภ.บางเลน แจ้งข้อหาครอบครองและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และลักลอบนำบุคคลต่างด้าวเข้าเมือง กับ นายศักดา และแจ้งข้อหาหลบหนีเข้าราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตกับ นายปอง ขณะนี้ทั้งสองคนอยู่ในเรือนจำจังหวัดนครปฐม รอฟังคำพิพากษา
ต่อมาทางญาติของ นายบุญช่วย ผู้ตาย ได้เข้าแจ้งความบุคคลสูญหาย และประสานให้เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ช่วยออกติดตามหาตัว นายบุญช่วย และรถกระบะ จนกระทั่งพบรถกระบะ ถูกยึดอยู่ที่ สภ.บางเลน จึงประสานให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ นายศักดา และ นายปอง ในเรือนจำอีกครั้ง เนื่องจากสงสัยว่า บุคคลทั้ง 2 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ นายบุญช่วย ซึ่ง นายศักดา ยังปฏิเสธว่าไม่ได้รู้จักผู้ตาย แต่ นายปอง กลับยอมรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุถูกนายศักดาใช้ปืนขู่บังคับให้ร่วมมือกันกับนายวัน ลงมือฆ่านายบุญช่วย ในไซต์งาน เพื่อชิงเอารถกระบะไปขาย ก่อนนำศพยัดถัง 200 ลิตร ไปทิ้งในเหวพื้นที่ จ.กำแพงเพชร บ้านเกิดของนายศักดา
นายปอง รับสารภาพอีกว่า หลังจาก นายศักดา นำรถกระบะของผู้ตายไปขายให้คนรู้จัก นั้น คนซื้อเกิดสงสัยที่มาของรถ เลยปฏิเสธไม่ขอรับซื้อต่อ ทำให้ นายศักดา ต้องขับรถพานายปอง หลบหนี จนกระทั่งถูกตำรวจ สภ.บางเลน จับกุมตัวได้ดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. จึงประสานไปยังตำรวจ บช.ภ.6 ให้ช่วยตามหาศพตามพิกัดคำให้การของนายปอง จนพบถูกทิ้งไว้ในก้นเหว เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ในสภาพเน่าเปื่อยแล้ว จากนั้นก็ติดตามจับกุมนายวัน ได้ที่โรงงานย่าน จ.อุทัยธานี เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.)
จากการสอบสวน นายวัน ให้การรับสารภาพว่า ตนกับนายปองหนีเข้าเมืองไทยมาทำงานเป็นคนงานก่อสร้างได้ 1 ปีแล้ว โดยจะเปลี่ยนนายจ้างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเพิ่งมาทำงานอยู่กับนายศักดา ที่ไซต์งานที่เกิดเหตุได้ประมาณ 15 วัน ก็ถูก นายศักดา เอาปืนจ่อหัวบังคับให้ลงมือฆ่านายบุญช่วย ช่างไฟที่เพิ่งรู้จักกันและไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน โดยนายศักดา สั่งให้ตนผลักนายบุญช่วยจนล้ม แล้วใช้ค้อนกระหน่ำตีที่หัว ส่วน นายปอง ใช้ท่อนไม้หน้าสามตีซ้ำจนนายบุญช่วยเสียชีวิต จากนั้นก็ช่วยกันนำศพยัดใส่ถังน้ำมัน 200 ลิตร ขนขึ้นรถผู้ตายไปทิ้งยังจุดพบศพ
นายวัน ให้การต่อไปว่า หลังจากนั้น นายศักดา ก็พยายามขับรถกระบะตระเวนนำรถไปขาย โดยระหว่างทาง ได้พาตนกับนายปอง ไปนอนพักที่กระต๊อบแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกสำนึกผิดเลยโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องให้ญาติฟัง โดยญาติแนะนำให้ตนหลบหนีออกมาแล้วเดินไปตามถนนใหญ่เพียงลำพัง จากนั้นก็โบกรถให้ไปส่งที่ จ.อุทัยธานี เพื่อสมัครทำงานในโรงงานใหม่ จนถูกตำรวจตามจับได้เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.)
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ส่งตัว นายวัน ให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ดำเนินคดี พร้อมทั้งอายัดตัวนายศักดา กับ นายปอง ที่เรือนจำ จังหวัดนครปฐม เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป
วันนี้ (2 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ บก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงศ์แป้น รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรนิตย์ สวนคร้ามดี ผกก.2 กก.สส.บช.น. และ พ.ต.ท.อรรถพร สุริยเลิศ รอง ผกก.2 กก.สส.บช.น.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.บช.น. แถลงการจับกุม นายวัน หรือ วันศรี หรือ บอย อายุ 25 ปี สัญชาติลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 182/2554 ลงวันที่ 2 ก.พ.54 ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลบ้านไร่ (ลิน) ต.ศิลาทอง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พร้อมของกลางรถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน ตพ 2109 กทม.
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา นายวัน พร้อมพวกอีก 2 คน คือ นายศักดา หรือ ป๋อง บุญบำรุง อายุ 33 ปี ผู้รับเหมา ชาวจังหวัดกำแพงเพชร และ นายปอง เกตุแก้ว อายุ 20 ปี เพื่อนคนงานชาวลาว ได้ร่วมกันใช้ค้อนกับไม้หน้าสาม ทุบตี นายบุญช่วย บุญนา อายุ 49 ปี ผู้รับเหมาระบบไฟฟ้าตามไซต์งานต่างๆ จนถึงแก่ความตาย ภายในไซต์งานก่อสร้างอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่ สน.ดุสิต จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ก็นำศพ นายบุญช่วย มัดมือไพล่หลังนำยัดใส่ถังน้ำมัน 200 ลิตร ก่อนขนขึ้นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ตพ 2109 กทม.ของผู้ตาย ขับไปทิ้งก้นเหวในพื้นที่ อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ทั้ง 3 คน ได้แยกกันหลบหนี โดย นายศักดา ขับรถกระบะของผู้ตาย พานายปอง หนีไป จนกระทั่งมาถูกจับขณะขับผ่านเข้าด่านตรวจของตำรวจ สภ.บางเลน จ.นครปฐม เมื่อเวลา 05.00 น.ของวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมรถกระบะและอาวุธปืนเถื่อนอีก 1 กระบอก โดยเจ้าหน้าที่ สภ.บางเลน แจ้งข้อหาครอบครองและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และลักลอบนำบุคคลต่างด้าวเข้าเมือง กับ นายศักดา และแจ้งข้อหาหลบหนีเข้าราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตกับ นายปอง ขณะนี้ทั้งสองคนอยู่ในเรือนจำจังหวัดนครปฐม รอฟังคำพิพากษา
ต่อมาทางญาติของ นายบุญช่วย ผู้ตาย ได้เข้าแจ้งความบุคคลสูญหาย และประสานให้เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ช่วยออกติดตามหาตัว นายบุญช่วย และรถกระบะ จนกระทั่งพบรถกระบะ ถูกยึดอยู่ที่ สภ.บางเลน จึงประสานให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ นายศักดา และ นายปอง ในเรือนจำอีกครั้ง เนื่องจากสงสัยว่า บุคคลทั้ง 2 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ นายบุญช่วย ซึ่ง นายศักดา ยังปฏิเสธว่าไม่ได้รู้จักผู้ตาย แต่ นายปอง กลับยอมรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุถูกนายศักดาใช้ปืนขู่บังคับให้ร่วมมือกันกับนายวัน ลงมือฆ่านายบุญช่วย ในไซต์งาน เพื่อชิงเอารถกระบะไปขาย ก่อนนำศพยัดถัง 200 ลิตร ไปทิ้งในเหวพื้นที่ จ.กำแพงเพชร บ้านเกิดของนายศักดา
นายปอง รับสารภาพอีกว่า หลังจาก นายศักดา นำรถกระบะของผู้ตายไปขายให้คนรู้จัก นั้น คนซื้อเกิดสงสัยที่มาของรถ เลยปฏิเสธไม่ขอรับซื้อต่อ ทำให้ นายศักดา ต้องขับรถพานายปอง หลบหนี จนกระทั่งถูกตำรวจ สภ.บางเลน จับกุมตัวได้ดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. จึงประสานไปยังตำรวจ บช.ภ.6 ให้ช่วยตามหาศพตามพิกัดคำให้การของนายปอง จนพบถูกทิ้งไว้ในก้นเหว เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ในสภาพเน่าเปื่อยแล้ว จากนั้นก็ติดตามจับกุมนายวัน ได้ที่โรงงานย่าน จ.อุทัยธานี เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.)
จากการสอบสวน นายวัน ให้การรับสารภาพว่า ตนกับนายปองหนีเข้าเมืองไทยมาทำงานเป็นคนงานก่อสร้างได้ 1 ปีแล้ว โดยจะเปลี่ยนนายจ้างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเพิ่งมาทำงานอยู่กับนายศักดา ที่ไซต์งานที่เกิดเหตุได้ประมาณ 15 วัน ก็ถูก นายศักดา เอาปืนจ่อหัวบังคับให้ลงมือฆ่านายบุญช่วย ช่างไฟที่เพิ่งรู้จักกันและไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน โดยนายศักดา สั่งให้ตนผลักนายบุญช่วยจนล้ม แล้วใช้ค้อนกระหน่ำตีที่หัว ส่วน นายปอง ใช้ท่อนไม้หน้าสามตีซ้ำจนนายบุญช่วยเสียชีวิต จากนั้นก็ช่วยกันนำศพยัดใส่ถังน้ำมัน 200 ลิตร ขนขึ้นรถผู้ตายไปทิ้งยังจุดพบศพ
นายวัน ให้การต่อไปว่า หลังจากนั้น นายศักดา ก็พยายามขับรถกระบะตระเวนนำรถไปขาย โดยระหว่างทาง ได้พาตนกับนายปอง ไปนอนพักที่กระต๊อบแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกสำนึกผิดเลยโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องให้ญาติฟัง โดยญาติแนะนำให้ตนหลบหนีออกมาแล้วเดินไปตามถนนใหญ่เพียงลำพัง จากนั้นก็โบกรถให้ไปส่งที่ จ.อุทัยธานี เพื่อสมัครทำงานในโรงงานใหม่ จนถูกตำรวจตามจับได้เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.)
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ส่งตัว นายวัน ให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ดำเนินคดี พร้อมทั้งอายัดตัวนายศักดา กับ นายปอง ที่เรือนจำ จังหวัดนครปฐม เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป
