ตร.บางชันแถลงจับหนุ่มขี้ยา เที่ยวขี่ จยย. ตระเวนทุบกระจกรถยนต์ ฉกทรัพย์สินที่จอดอยู่ตามหมู่บ้าน หลังถูกสายตรวจจับได้ขณะเตรียมก่อเหตุ พร้อมยึดของกลางโน๊ตบุ๊ก 12 เครื่อง กล้องถ่ายรูป มือถือ และอุปกรณ์งัดแงะ สารภาพร่วมกับเพื่อนที่หนีไปได้ก่อเหตุมาแล้วประมาณ 16 ครั้ง ในหลายท้องที่ เงินที่ได้ซื้อยาเสพ-แบ่งคนในครอบครัวใช้
วันนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่ สน.บางชัน พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว ผกก.สน.บางชัน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจและฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายศุภชัย สนนอก อายุ 31 ปี พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กยี่ห้อต่างๆ จำนวน 12 เครื่อง และทรัพย์สินของมีค่าอื่นๆ เช่น กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร กระเป๋าสตางค์อุปกรณ์การงัดแงะ เช่น ไขควง ดอกสว่าน ไฟฉาย และรถจยย.ยี่ห้อ ยามาฮ่า มีโอ สีขาวแดง หมายเลขทะเบียน สบฉ 391 กทม.
พล.ต.ต.สุธีร์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ในท้องที่ บก.น.4 ได้เกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์แล้วโจรกรรมทรัพย์สินไปเป็นจำนวนกว่า 50 คดี จึงสั่งการให้ทุกท้องที่ร่งรัดสืบสวนจับกุม จนกระทั่งเมื่อเวลา 23.30 น.วานนี้ (31 ม.ค.) ขณะที่เจ้าหน้าที่สายตรวจ และฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน กำลังออกตรวจพื้นที่เพื่อสืบสวนจับกุมคนร้ายคดีนี้อยู่ในหมู่บ้านพฤกษชาติซึ่งอยู่ในท้องที่ของ สน.บางชัน พบ นายศุภชัย กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง คือ นายสมศักดิ์ และลอย อายุ 32 ปี กำลังขี่รถจยย.อยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวด้วยท่าทางมีพิรุธ จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นก็พบอุปกรณ์การงัดแงะทั้งหมดจึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ขณะนั้นนายสมศักดิ์ ได้อาศัยความืดวิ่งหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายศุภชัย มาสอบปากคำ
จากการสอบสวน นายศุภชัย ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยทำงานเป็นพนักงานขับรถส่งของอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ภายหลังตกงานไม่มีเงินใช้ จึงชวน นายสมศักดิ์ ตระเวนขี่รถจยย.ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ที่ไม่มีรปภ.เฝ้าอยู่ เพื่อหาดูรถที่จอดไว้ข้างทางในเวลากลางคืน เมื่อได้รถเป้าหมายก็จะใช้ไฟฉายส่องดูทรัพย์สิน หากพบว่ามีกระเป๋าวางอยู่ ก็จะใช้ไขควง หรือดอก สว่านทุกกระจกรถ แล้วหยิบเอาทรัพย์สินออกมาทันที โดยไม่สนใจว่ารถคันนั้นจะมีสัญญาณกันขโมยหรือไม่ เนื่องจากสัญญาณดัง พวกตนก็จะรีบเร่งเครื่องรถจยย.หลบหนีไปทันทุกครั้ง
นายศุภชัย ให้การต่อว่า เมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้วพบว่ามีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ตนก็จะไปขายที่ร้านขาประจำในห้างบิ๊กซีย่านสะพานใหม่ในราคาเครื่องละ 5,000-6,000 บาท แล้วแต่รุ่นใหม่หรือเก่า เมื่อได้เงินมาก็จะไปซื้อยาบ้าเสพ และแบ่งให้คนในครอบครัวใช้จ่าย โดยเทำแบบนี้มาตั้งแต่เดือน เม.ย.ปี 53 เท่าที่จำได้ก็ประมาณ 16 ครั้ง ในท้องที่ สน.บางชัน สน.ประเวศ สน.ลาดกระบัง สภ.เมืองนนทบุรี และใน จ.สระบุรี จนกระทั่งมาถูกจับกุมเมื่อคืนที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สุธีร์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ กับนายศุภชัย และในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผล เข้ายึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของผู้เสียหายที่ร้านไอซี่โมบาย ชั้นใต้ดิน ห้างบิ๊กซีสะพานใหม่ ที่ผู้ต้องหานำไปขายให้ได้คืนมาทั้งหมด 12 เครื่อง รวมทั้งจะพิจารณาแจ้งข้อหารับของโจรกับ น.ส.หรรษ ธาราบัณทิต อายุ 31 ปี กับนายศิริชัย พลีการ อายุ 35 ปี เจ้าของร้านที่นายศุภชัย นำคอมพิวเตอร์ไปขายให้ หากมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของผู้ต้องหา