บก.น.4 ส่งทีมปราบจลาจล 150 นาย ชุดเคลื่อนที่เร็ว 10 นาย คอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบสถานทูตกัมพูชา ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมชุดสืบ สน.วังทองหลาง ตำรวจสายตรวจอีก 20 นาย สมทบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างทั่วถึง ย้ำห้ามไม่ให้เกิดเหตุ หวั่นกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
วันนี้ (2 ก.พ.) พ.ต.อ.ธวัช วงส์สง่า ผกก.สน.บึงกุ่ม รักษาราชการแทน ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวถึงมาตการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตั้งสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนน ประชาอุทิศ ซอยรามคําแหง 39 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. ภายหลังศาลกัมพูชาตัดสินจำคุกนายวีระ สมความคิด 8 ปี ปรับ 1,800,000 เรียล และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 6 ปี ปรับ 1,200,000 เรียล ใน 3 ข้อหา คือ เข้าเมืองผิดกฎหมาย, เข้าพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และประมวลข้อมูลอันเป็นภัยต่อการป้องกันประเทศ หรือจารกรรมข้อมูล เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) นั้น ว่า ทาง บก.น.4 ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดทั้งหมด แบ่งเป็นกำลังปราบจลาจลของ บก.น.4 จำนวน 1 กองร้อย (150 นาย) เฝ้าระวังสถานทูตกัมพูชาตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีฝ่ายสืบสวนของ สน.วังทองหลาง ตำรวจสายตรวจ และฝ่ายสืบสวนของ กก.สส.บก.น.4 อีกราว 20 นาย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบสถานทูต รวมทั้งทาง บก.น.4 ยังได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วอีก 10 นาย คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเช่นกัน
“ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งกำชับให้ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ และให้เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นย้ำห้ามไม่ให้เกิดเหตุที่อาจสส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศได้” พ.ต.อ.ธวัช กล่าว
ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเตรียมที่จะยกระดับการชุมนุมและอาจไปปิดล้อมสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย หลังจากศาลกัมพูชามีพิพากษาจำคุกนายวีระ สมความคิดและนางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ว่า ในเรื่องนี้ทางตร.ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิ์วิชัย ผบช.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าไปดูแลความปลอดภัย รวมทั้งให้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่และการตั้งจุดตรวจรอบรอบสถานทูตกัมพูชา นอกจากนี้ยังมีการสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ชุมนุมต้องมีการฝึกซ้อมร่วมกัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่แต่ละคนก็มาจากแต่ละหน่วย จึงควรมีการซักซ้อมเพื่อให้มีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็น การฝึกระวังการปิดล้อม การบุกรุก และเทคนิคการควบคุมฝูงชนแบบสากล อย่างไรก็ตามตอนนี้คงต้องรอรับฟังความเคลื่อนไหวจากแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯว่า จะดำเนินการอย่างไรหลังจากนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 5 ก.พ.นี้ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯนัดระดมพล เพื่อเตรียมเคลื่อนการชุมนุม แต่ยังไม่ระบุว่า จะเคลื่อนการชุมนุมไปที่ใด พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า คงต้องรอดูความชัดเจนจากแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯก่อนว่า จะเคลื่อนการชุมนุมไปด้วยวิธีการไหนและที่ใด รวมทั้งต้องรอประเมินจำนวนของผู้ชุมนุมในวันดังกล่าวด้วย ซึ่งถ้าจุดที่ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนไปนั้น เป็นจุดที่ล่อแหลมและมีผลกระทบตามมา ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องเข้าไปเจรจา ส่วนที่มีการมองว่า แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯปฏิเสธที่จะเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ขอยืนยันว่า ทางแกนนำผู้ชุมนุมไม่ได้ปฏิเสธการเจรจาอย่างสิ้นเชิง และยังคงมีการพูดคุยกันอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังมีเวลาอีก 2 วัน ก่อนที่จะถึงวันที่ผู้ชุมนุมนัดระดมพล โดยเจ้าหน้าที่คงต้องรอดูรายละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความและลงบันทึกประจำวัน ทำให้ผลสำรวจปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่กทม.ลดลงร้อยละ 28-29 ตามนโยบายประชาวิวัฒน์ว่า เรื่องนี้คงไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อมีประชาชนเข้ามาแจ้งความหรือร้องทุกข์กล่าวโทษ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องรับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน การที่จะไม่รับแจ้งความคงเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความก็จะมีความผิดทางวินัย นอกจากนี้คงไม่มีการตกแต่งตัวของผลสำรวจดังกล่าวตามที่มีกระแสข่าวออกมาแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมและมีการดองคดีของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการดองคดีของกลุ่มคนเสื้อแดงและขณะนี้ก็มีการดำเนินการไปหลายคดีแล้ว ส่วนที่มีอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือกับทางคณะอนุกรรมการฯในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมนั้น เรื่องนี้ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
