ผบ.ตร.ยันคลอดโผโยกย้ายระดับรอง ผบก.- สว. ล่าช้าไม่ได้เกิดจากการวิ่งเต้นของผู้มีอำนาจ ยอมรับนักการเมืองมีสิทธิ์เสนอแนะ แต่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้ดำรงตำแหน่งใด เผยบัญชีแต่งตั้งเสร็จกว่าร้อยละ 90 แล้ว ย้ำภายใน 1-2 วันจะแล้วเสร็จทั้งหมด เพื่อให้มีผลบังคับในวันที่ 10 ก.พ.นี้
วันนี้ (1 ก.พ.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย นายตำรวจระดับรอง ผบก.-สว.วาระประจำปี 2553 ว่า ขณะนี้การจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 90 โดยยังมีบางหน่วยที่ยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดให้มีความถูกต้องมากที่สุด ซึ่งตามหลักแล้วการจัดทำบัญชีเป็นอำนาจของผู้บังคับการแต่ละกองบัญชาการ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีอำนาจในการปรับเกลี่ยตำแหน่งที่ว่าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกระดับและทุกภาค โดยระบุว่าในส่วนที่ยังมีความล่าช้าอยู่ คือ ตำแหน่งของศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ที่ในส่วนที่ลงไปอยู่ในพื้นที่เป็นระยะเวลา 3 ปี สามารถขอย้ายออกจากพื้นที่ได้ ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 26 ราย และในส่วนของตำแหน่งสารวัตรที่ต้องมีการพิจาณาจากคุณสมบัติเฉพาะ เช่น ด้านบัญชี และการสื่อสาร โดยยืนยันว่าความล่าช้าไม่ได้เกิดจากการวิ่งเต้นของผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะนักการเมือง ซึ่งยอมรับว่านักการเมืองสิทธิ์ให้การเสนอแนะ แต่ไม่สิทธิ์เรียกร้องว่าจะให้ดำรงตำแหน่งใด เพราะองค์กรตำรวจถือเป็นองค์กรที่มีความเป็นระเบียบสูงมากกว่าองค์กรอื่นๆ
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวด้วยว่า การจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อให้มีผลบังคับในวันที่ 10 ก.พ. ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
กำชับจับโจรตามเป้า
นอกจากนี้ ผบ.ตร.ได้เปิดเผยผลการประชุมของคณะผู้บริหารระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า ได้มีการประชุมเพื่อกำชับและมอบนโยบายแนวทางปฏิบัติในการป้องกันปัญหาอาชญากรรม ให้ลดลงร้อยละ 20 ภายใน 6 เดือน ตามนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาล โดยเน้นให้มีการขับเคลื่อนนโยบายโดยการดึงมวลชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดในชุมชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าหากสามารถสร้างแนวร่วมภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม หรือให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่จะทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลดปัญหาอาชญากรรมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ทางด้าน พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลการชุมนุมทางการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดช่องว่างในการดูแลความสงบสุขของประชาชนและทำให้ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุปันด้วย