ตร.จับมือช่างกลกลุ่มเสี่ยงล้อมคอกนักเรียนยกพวกตีกัน!

นครบาลประชุมร่วมตัวแทนโรงเรียนกลุ่มเสี่ยงที่นักเรียนบางส่วนเคยก่อเหตุยกพวกตีกัน และมีแนวโน้มที่จะก่อเหตุอีก เพื่อหาแนวทางกดดันทุกรูปแบบให้นักเรียนนักเลงหยุดทำผิด และไม่กลับมาทำซ้ำ ชี้เด็กที่ก่อเหตุอายุน้อยลงเฉลี่ยที่ 16 ปี แต่ก่อเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้น

วันนี้ (25 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น., ผบก.น.1-9 บก.สส., บก.อคฝ. กก.ดส. และตัวแทนจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เทคนิคดอนเมือง โรงเรียนรัตนโกสินทร์เทคโนโลยี โรงเรียนเทคโนโลยีบางกะปิ โรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เป็นต้น เพื่อประชุมหารือมาตรการป้องกันปัญหานักเรียนนักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท หลังจากช่วงหลังที่ผ่านมามีกลุ่มนักเรียนเริ่มก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันเพิ่มขึ้น

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวว่า เด็กที่ก่อเหตุอายุน้อยลงเฉลี่ยที่อายุประมาณ 16 ปี แต่ก่อเหตุความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งตำรวจทราบดีว่าผู้ก่อเหตุมักเป็นเด็กและเยาวชน โดยการปฏิบัติของตำรวจค่อนข้างระมัดระวัง แต่ขณะเดียวกันลักษณะการกระทำผิดของเยาวชนเริ่มรุนแรงมากขึ้น โดยวันนี้เป็นการหารือ เพื่อหาแนวทางในการกดดันทุกรูปแบบเพื่อให้กลุ่มนักเรียนที่เป็นนักเลงต่างๆ หยุดพฤติกรรมการกระทำผิดให้อยู่ในกรอบกฎหมาย และไม่กลับมากระทำผิดซ้ำอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อมั่นว่าวิธีการต่างๆ ที่จะนำมาใช้ปรับเปลี่ยนให้เหมะสมในอนาคตจะดียิ่งขึ้นกว่าที่ทำอยู่ในขณะนี้

“อย่างตัวอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการแก้ไขปัญหาระหว่าง 2 แห่งได้มาตลอดและเห็นผลได้ชัดเจน คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย กับสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ที่มีการใช้มาตรการเชิงรุกมาตลอด เช่น พูดคุยกับรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้ว กลุ่มหัวโจกในโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งก็ทำให้ประสบความสำเร็จได้ในระดับในการแก้ไขปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานได้” พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าว

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับโรงเรียนที่เชิญมาประชุมในวันนี้เป็นโรงเรียนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่นักเรียนบางส่วนเคยก่อเหตุทะเลาะวิวาทและมีแนวโน้มที่จะก่อเหตุ โดยการเชิญตัวแทนจากโรงเรียนมาหารือกัน รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการมาประชุมเตรียมป้องกันปัญหาเหล่านี้ ส่วนงานที่เกี่ยวกับตำรวจคือการติดตามพฤติการณ์ เข้าตรวจค้น จับกุมผู้กระทำผิด และใช้มาตรการเชิงรุกให้ถึงตัวกลุ่มที่มักก่อเหตุให้ได้ เพียงหวังว่าให้เด็กกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้กับมาอยู่ในสังคมแบบนักเรียนทั่วไปได้ ไม่ให้มีแนวคิดที่จะมุ่งทะเลาะวิวาท และมีแนวคิดเลิกใช้ความรุนแรงให้ได้