“วรวัจน์” เอาจริง แก้ปัญหาเด็กตีกัน ย้ำคำสั่งปิดถาวรทันที หากสถานศึกษาที่มีประวัติก่อเหตุขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ สช.ตั้งกรรมการยกร่างระเบียบรองรับ
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ขอหารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหานักเรียน นักศึกษา ก่อเหตุทะเลาะ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เกิดเหตุขึ้นอีกเป็นกรณีนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน ย่านบางนา ยกพวกตีกันบนรถโดยสารประจำทาง ทั้งนี้ ตนได้มอบนโยบายไปว่า หลังจากนี้ หากสถานศึกษาที่อยู่ในบัญชีดำก่อเหตุขึ้นมาอีกครั้ง ให้ปิดถาวรทันที เพราะถือว่าก่อเหตุซ้ำซาก อีกทั้งสถานศึกษาที่อยู่ในบัญชีดำนั้นส่วนใหญ่ได้ผ่านการดำเนินการตามมาตรการของ ศธ.สำหรับแก้ปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันมาครบทุกมาตรการแล้ว หากก่อเหตุขึ้นอีกครั้ง ก็สมควรต้องสั่งปิดถาวรทันที อย่างไรก็ตาม ศธ.ไม่ได้มุ่งแต่ใช้มาตรการสั่งปิดสถานศึกษา เพื่อแก้ปัญหา แต่จะมีมาตรการอื่นๆ ออกมาในการทำงานร่วมกับสถานศึกษา เพื่อแก้ปัญหาด้วย ซึ่งเมื่อเกิดเหตุขึ้น สช.ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสถานศึกษา เพื่อรับทราบปัญหา มีมาตรการให้สถานศึกษาคัดกรองกลุ่มเสี่ยงออกมาเพื่อเฝ้าระวัง ซึ่งถ้าดำเนินการได้ดี ก็จะบรรเลาปัญหาลงได้ระดับหนึ่ง
นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการ กช.กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เชิญสมาคมอาชีวศึกษาเอกชน และตัวแทนโรงเรียนกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด 18 โรง มาร่วมหารือเพื่อวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท และได้แจ้งให้ทราบถึงนโยบายของ รมว.ศธ.ที่ให้ใช้มาตรการปิดถาวรกับสถานศึกษาที่ก่อเหตุเป็นครั้งที่ 2 หลังจากนี้ สช.จะได้ประสานกับสมาคมอาชีวศึกษาเอกชน และผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มเสี่ยง ยกร่างระเบียบขึ้นมารองรับนโยบาย รมว.ศธ. ซึ่งก็จะต้องกำหนดรายละเอียดประกอบให้ชัดเจน อาทิเช่น หากเป็นโรงเรียนที่ถูกกระทำ หรือเป็นการก่อเหตุด้วยเหตุผลส่วนตัว การก่อเหตุหลังเลิกเรียน จะต้องถูกสั่งปิดถาระด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ สถานศึกษาในบัญชีกลุ่มเสียงนั้น มีประมาณ 18 โรง แต่ที่มีปัญหาหนักประมาณ 5-6 โรง และในวันที่ 6-12 ก.ย. สช.จะนำนักศึกษากลุ่มแกนนำของทั้ง 18 โรง รวม 180 คน ที่ไปเข้าค่ายละลายพฤติกรรมที่จังหวัดสระบุรี ส่วนสถานศึกษาที่ไม่เคยก่อเหตุนั้น ก็ต้องอยู่ในหลักการเดียวกัน คือ ก่อเหตุครั้งแรกยังให้โอกาสปรังปรุงตัว ใช้มาตรการอื่นๆ เข้าไปช่วยแก้ปัญหา แต่หากก่อเหตุซ้ำครั้งที่ 2 ขึ้นไป ให้ใช้มาตรการสั่งปิดถาวรเช่นกัน