พิจิตร - ผบก.พิจิตรไอเดียเก๋ให้ตำรวจชั้นสัญญาบัตรรับบทครูเดินสายให้ความรู้เยาวชนทั้งกฎหมายแพ่งและอาญารวมถึงพรบ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ผิดชอบชั่วดี ลงมือทำแล้วได้ผลวัยโจ๋กลัวคุกหยุดซ่าส์หยุดซิ่งเด็กแว้นลดลง
พล.ต.ต. กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผบก.ภ.จว.พิจิตร เปิดเผยว่าปัญหาของเยาวชนที่อายุระหว่าง 10-25 ปี ที่มักก่อเกิดคดี ขณะนี้นับวันจะเป็นปัญหาทางสังคมมากยิ่งขึ้น เหตุเป็นเพราะพฤติกรรมเลียนแบบเกมส์อินเทอร์เน็ตและดาราหนังต่างประเทศ ที่ก่อเหตุความรุนแรงแล้วได้เป็นฮีโร่ ซึ่งเยาวชนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำตามไปจนกลายเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เพราะความไม่รู้
ดังนั้น 1 เดือนที่ผ่านมาตำรวจพิจิตรชั้นสัญญาบัตรใน 17 สภ. ได้ร่วมกันทำโครงการ ครูตำรวจสอนกฎหมายเรื่องใกล้ตัวให้กับเยาวชนในโรงเรียนระดับมัธยมและอาชีวของจังหวัดพิจิตร ที่มีมากเกือบ 40 แห่ง โดยบรรจุเป็นวิชาภาคกิจกรรมร่วมกับทางโรงเรียนแล้วให้ตำรวจไปเป็นครูสอนกฎหมายให้เยาวชนได้ถาม-ตอบ ข้อข้องใจทางกฎหมายในห้องเรียนอย่างใกล้ชิด ซึ่งวิชาที่สอนทั้งกฎหมายแพ่ง , กฎหมายอาญา , พ.ร.บ.การจราจร , พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเด็กและสตรี
รวมถึงเทคนิคเมื่อเกิดเหตุร้ายให้จำรูปพรรณสัณฐานและยานพาหนะของคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งจากการทำโครงการดังกล่าวมีการประเมินผลพบว่าวัยรุ่นรู้และยำเกรงกฎหมายลดการก่อเหตุทะเลาะวิวาท รวมถึงคดีทางเพศลดลง อีกทั้งเด็กแว้น เด็กซิ่ง อาชญากรรมทุกรูปแบบและยาเสพติดก็พลอยลดลงตามไปด้วย
ดังนั้นตลอดปี 2554 จึงจะได้ให้ตำรวจทำโครงการเช่นนี้อย่างต่อเนื่องในโรงเรียนทุกแห่งของจังหวัดพิจิตร โดยให้เวลาการเรียนการสอนมากขึ้นคราวละอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 45 นาทีต่อห้องเรียน ซึ่งแตกต่างกับการให้ความรู้หน้าเสาธงชาติคราวละ 5 นาทีอย่างที่ผ่านมา ซึ่งวิเคราะห์แล้วเด็กนักเรียนไม่ค่อยตั้งใจฟัง เพราะแดดร้อน เครื่องเสียงหน้าเสาธงควบคุมพื้นที่ได้ไม่ชัดเจน อีกทั้งเป็นการสื่อสารฝ่ายเดียวไม่มีการถามตอบจึงนำมาสู่การพัฒนากระบวนการให้ความรู้กับเยาวชนในรูปแบบดังกล่าว
นอกจากนี้ในการสอนกฎหมายให้กับเด็กและเยาวชน เด็กๆวัยรุ่นส่วนใหญ่อยากฟังเรื่องเล่าจากปากตำรวจ ครูผู้สอนถึงคดีต่างๆเป็นกรณีศึกษา อย่างเช่น ยกพวกตีกัน , มียาเสพติดหรือเสพยาเสพติดรวมถึงโทษที่จะได้รับ อีกทั้งก็จะสอนถึงการดูยศและตำแหน่งและอำนาจหน้าที่ของตำรวจที่จะให้บริการแก่ประชาชนและเยาวชน
นอกจากนี้เยาวชนที่เรียนกับ “ครูตำรวจ” ก็เกิดความสนิทและคุ้นเคยจนกลายเป็น “กองปราบจิ๋ว” คอยแจ้งเบาะแสอาชญากรรมต่างๆในหมู่บ้าน ในโรงเรียน ให้ตำรวจได้ปราบปรามจนขณะนี้ถือได้ว่าโครงการดังกล่าวรุดหน้าไปได้ด้วยดี และจะทำต่อไปตลอดปี 2554 นี้อีกด้วย