อธิบดีกรมคุมประพฤติพ้อห่วงผู้ต้องขังยาเสพติดเพิ่มเหตุที่รองรับผู้ติดยาระหว่างรอตรวจพิสูจน์รับได้ 800 คน ตร.กลับส่งตัวเข้ามาถึง 3,200 คน ทำให้พื้นที่รองรับไม่พอเตรียมปรับปรุงแดน 13 อดีตที่คุมผู้ต้องหาโรคเอสด์เพื่อลดความแออัด พร้อมเสนอธิบดีกรมคุกตั้งคณะทำงานร่วม ศึกษาแนวทางปัญหาอุปสรรคเพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้น
วันนี้ (13 ม.ค.) นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ภายหลังรัฐบาลดำเนินการปราบปรามยาเสพติดปลายปี 2553 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ต้องหาคดียาบ้า ถูกส่งตัวมาควบคุมที่เรือนจำกลางครองเปรมมากขึ้น ซึ่งตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 กำหนดให้ผู้ต้องหาที่มีของกลางยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด หรือปริมาณยาเสพติดอื่นไม่เกินตามที่กำหนดไว้ตามกฎกระทรวงยุติธรรม ถือว่าเป็นผู้ป่วย ต้องได้รับการฟื้นฟูบำบัดรักษา และต้องรับการการตรวจพิสูจน์การติดยาเสพติดเป็นเวลา 45 วัน ก่อนแยกย้ายไปบำบัด
อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าวต่อว่า จำนวนผู้ต้องขังที่ติดยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น ทำให้การตรวจพิสูจน์ผู้ต้องขังที่ติดยาเสพติดมีอุปสรรค ภายหลังเกิดปัญหาความแออัด เนื่องจากสถานที่รองรับผู้ติดยาเสพติด ระหว่างรอการตรวจพิสูจน์ได้เพียง 800 คน แต่มีผู้ต้องหาคดีเสพยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ถูกตำรวจทั้ง 88 สน.จับกุมดำเนินคดีฐานเสพยาเสพติดและส่งตัวเข้ามาถึง 3,200 คน ทำให้ไม่มีพื้นที่รองรับ เบื้องต้นกรมราชทัณฑ์ ได้ปรับปรุงแดน 13 สถานที่ควบคุมผู้ต้องหาโรคเอดส์ในอดีต พร้อมย้ายระบายผู้ต้องหา 2,000 คน มาควบคุมลดความแออัด และตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกรมคุมประพฤติและกรมราชทัณฑ์ เพื่อศึกษามาตรการลดสภาพความแออัดของผู้ต้องหาระหว่างรอส่งไปบำบัดตามนโยบายของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม และนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม
นายชาญเชาว์ ไชยานุกิจ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า ขั้นตอนการตรวจพิสูจน์ผู้ต้องขังที่ติดยาเสพติด พนักงานคุมประพฤติ จะสอบประวัติ ตรวจระดับการติดยาเสพติด ก่อนให้คณะอนุกรรมการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด วินิจฉัยส่งไปบำบัดเป็นระยะเวลา 4 เดือน ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี หรือค่ายโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองในค่ายทหาร เพราะถือว่าผู้เสพคือผู้ป่วย
อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าวอีกว่า ในอนาคตคาดว่าจะมีผู้เสพยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ ถูกจับกุมส่งตัวเข้ามารอตรวจพิสูจน์การติดยาเสพติดที่สถานที่รอตรวจพิสูจน์ ที่เรือนจำกลางคลองเปรมเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กรมคุมประพฤติจะเสนอนายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อศึกษาแนวทางปัญหาอุปสรรค ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าสถานที่รอตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ยังขาดบุคลากร งบประมาณ และสถานที่ ทำให้เกิดปัญหาในการบริหารจัดการจนเกิดความแออัด เบื้องต้นจะเร่งสอบประวัติและออกคำวินิจฉัยมาตรการส่งไปบัดบัดยาเสพติดให้เร็วที่สุด ไม่ต้องรอให้ครบกำหนด 45 วัน โดยจะใช้วิธีสอบปากคำผู้ต้องหาเป็นกลุ่ม ทำให้ระบายผู้ต้องหาออกไปบำบัดได้เร็วยิ่งขึ้นและทำให้การประกันตัวผู้ต้องหากลุ่มที่เห็นว่าสามารถไปบำบัดที่ รพ.เองได้เร็วยิ่งขึ้น