xs
xsm
sm
md
lg

กตช.เสียงไม่เป็นเอกภาพ “ปทีป”ยังไปไม่ถึงดวงดาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรื่องมันฟ้อง
โดย...กรงเล็บ

ห่างหายการประชุมไปนานกว่า 5 เดือน จากพิษการแต่งตั้ง ผบ.ตร. วันนี้ (25 ก.พ. 53) คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ กตช. ที่มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ฤกษ์ประชุมกันอีกครั้ง เวลา 14 น. ที่สภาผู้แทนราษฎร

แต่ไม่ปรากฏวาระที่หลายคนลุ้นระทึกรอคอย คือ การเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ มีเพียงวาระเกี่ยวกับการขยายอัตรากำลังตำรวจในสำนักพระราชวัง ตามที่ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ กตร.ตั้งแท่นขึ้นมาเท่านั้น

ส่วนการเลื่อนชั้นให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ขึ้นทำเนียบ ผบ.ตร.ตัวจริง อาจยังต้องร้องเพลงรอต่อไป

สาเหตุที่ทำให้ความพยายามที่จะแสวงหาความร่วมมือจาก กตช. เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในอำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน กตช. กับ บทบาทของ กตช. ตาม พรบ.ตำรวจแห่งชาติ ยังไม่อาจหาจุดร่วมได้

เป็นเพราะยังคงติดปัญหาจุดยืนต่างกัน จนทำให้ กตช.เสียงแตก

คาดว่า เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นไปได้ที่ “อภิสิทธิ์” คงใช้วิธีเต้นฟุตเวิร์คเช็คสภาพอารมณ์ของ กตช.ก่อนจะให้เหตุผลและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำแนะนำจากผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่ขอให้กตช.และนายกรัฐมนตรี ยึดหลักปฏิบัติตามกฎหมาย คือ นายกรัฐมนตรีคัดเลือก เสนอชื่อ และ กตช.มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบ มิใช่ใช้การล็อบบี้เสียง โหวตสวนชื่อที่นายกรัฐมนตรีเสนอ เพื่อบีบให้ต้องเสนอชื่อบุคคลที่ตัวเองต้องการให้เป็น ผบ.ตร. ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อ พรบ.ตำรวจแห่งชาติ

ฉะนั้น การประชุมกตช.ในครั้งนี้ อาจเป็นไปได้ว่า

หาก กตช.รู้จักที่จะนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่มาน้อมนำเป็นแนวปฏิบัติ คือ มีสติรู้ตัว มีปัญญารู้คิด ปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเอง ก็ยังพอมีหนทางที่ “อภิสิทธิ์” จะหยิบยกเรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่เข้าสู่การพิจารณาของ กตช.อีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ถูกบรรจุไว้ในวาระก็ตาม

ถ้า กตช. มีสติแต่ไม่รู้ตัว มีปัญญาแต่คิดไม่ถูกทาง “อภิสิทธิ์” ก็คงต้องดูทิศทางลมหยั่งสถานการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งเป็นไปได้ที่เขาอาจเลือกที่จะไม่เสี่ยงกับคะแนนเสียงผันแปรไม่แน่นอน เพราะหากล้มเหลวย่อมสั่นคลอนภาวะความเป็นผู้นำของ “อภิสิทธิ์” อย่างรุนแรงอีกครั้ง ซึ่งไม่ควรให้เกิดขึ้นในสภาวะที่บ้านเมืองกำลังไร้เสถียรภาพจากปัญหา ทักษิณป่วนเมือง

องค์ประกอบในการประชุมครั้งนี้ ถ้าเป็นวาระปกติก็คงมีผู้เข้าร่วมประชุม 10 คนจาก 11 คน เพราะ พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ มิอาจเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ได้

แต่ถ้ามีการหยิบยกเรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร.มาพิจารณาองค์ประชุมก็จะเหลือ 9 คน เนื่องจาก พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จะหมดสิทธิ์ร่วมประชุม เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

กตช. 9 คนที่เหลือ ประกอบด้วย นพดล อินนา เรวัติ ฉ่ำเฉลิม ชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย มานิตย์ วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย กิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ถวิล เปลี่ยนศรี เลขา สมช. สุภา ปิยะจิตติ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

หากมีการลงคะแนนเสียงโดยคิดจากฐานเดิมเสียงที่สนับสนุนชื่อ “พล.ต.อ.ปทีป” จะมี พีรพันธุ์ ถวิล สุภา และกิตติพงษ์ ส่วนอีกฟากประกอบด้วย นพดล เรวัติ ชวรัตน์ และมานิตย์ คะแนนจะออกมา สี่ต่อสี่เท่ากัน
ซึ่งตาม พรบ.ตำรวจแห่งชาติให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในฐานประธาน กตช.ออกเสียงตัดสิน ซึ่งจะทำให้ชื่อ “พล.ต.อ.ปทีป” เข้าป้ายนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ตัวจริงหลังรักษาการณ์มากว่า 5 เดือน

เรื่องก็น่าจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง หาก กตช.สายอภิสิทธิ์จะมีความมั่นคง หนักแน่น แต่ก็เกิดความผกผันในคะแนนเสียงของ “กิตติพงษ์” ซึ่งมีปัญหามาตั้งแต่การประชุมครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552 แต่ในครั้งนั้นเขาติดภารกิจต่างประเทศ ส่ง ชาญเชาว์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรมมาปฏิบัติหน้าที่แทน

ซึ่งก็มิได้มีการเลือก ผบ.ตร. เนื่องจากเจอโรคเลื่อนไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว หลังจาก กตช.สาย “อภิสิทธิ์” ไม่พร้อมชูมือให้ “ปทีป”

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มีการออกหนังสือเชิญประชุม กตช.เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (การประชุม กตช.ต้องแจ้งล่วงหน้าสามวัน) ช่วงค่ำวันเดียวกัน ก็มีข่าวจาก กิตติพงษ์ ออกอาการลำบากใจจนปรารภกับคนใกล้ชิดว่าไม่กล้าที่จะยืนหยัดอยู่ข้าง “อภิสิทธิ์” แม้จะรับรู้ถึงคำแนะนำของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแล้วก็ตาม

ด้วยเหตุนี้สถานะของปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.จึงกลับมาสู่จุดเดิม ที่ “อภิสิทธิ์” คงต้อง “ติ๊ดชึ่ง”ยืดเวลาขยายโอกาสแสวงหาความร่วมมือออกไป เพราะแม้ พล.ต.อ.ปทีป จะเป็นแค่รักษาการ ผบ.ตร. แต่อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายก็มิได้แตกต่างไปจาก ผบ.ตร.ตัวจริง เพียงแต่ผลทางจิตวิทยาในการเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาจากคนในองค์กร คงไม่เต็มร้อยเท่ากับที่ได้ชื่อว่าเป็น ผบ.ตร.

กำลังโหลดความคิดเห็น