ดีเอสไอจับการ์ด นปช.ตัวการบุกโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และปาบึ้ม เค-75 ใส่บ้าน “บรรหาร” อธิบดียัน มีหลักฐานชัดเจนดิ้นไม่หลุด ขณะที่เจ้าตัวภาคเสธ เป็นผู้ห้ามไม่ให้คนเสื้อแดงบุกเข้าไปในโรงพยาบาล ส่วนปาบึ้มบ้านเติ้ง ไม่รู้ไม่เห็น
วันนี้ (11 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย แถลงข่าว พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง ผอ.ส่วนสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ พ.ต.อ.ไพศิษฐ์ วงศ์เมือง ผอ.ส่วนปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ ร่วมกันจับกุมตัว นายสมพงศ์ บังชม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1279/15 ต.เมืองเหนือ อ.เมืองศรีสะเกษ หัวหน้าการ์ด นปช.กลุ่มสมิงดำ ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันหรือสนับสนุนให้มีการก่อการร้ายตามหมายจับศาลอาญาที่ 2674/53 ลงวันที่ 29 พ.ย.53 และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นตามหมายจับศาลแขวงตลิ่งชันที่ จ.342/53 ลงวันที่ 26 เม.ย.53 หลังดีเอสไอพบว่าได้ร่วมกับพวกขว้างระเบิดชนิดสังหารแบบ เค-75 ใส่บริเวณหน้าบ้านพักของ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี
นายธาริต กล่าวว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ ได้ร่วมกับตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสมพงศ์ บังชม ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีก่อการร้าย เมื่อ 22.00 น.วันจันทร์ที่ 10 ธ.ค.จากนั้นได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ดีเอสไอ พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันสนับสนุนการก่อการร้าย โดยในช่วงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ผู้ต้องหารับผิดชอบพื้นที่การชุมนุมบริเวณศาลาแดง มีการ์ดในความรับผิดชอบ 300 คน ส่วนรายละเอียดพฤติการณ์ในการกระทำความผิด เมื่อวันที่ 29 เม.ย.53 นายสมพงศ์ ได้นำการ์ด นปช.ประมาณ 200 คน บุกเข้าปิดล้อมข่มขู่และตรวจค้น รพ.จุฬาฯ โดยอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารแอบซ่อนตัวอยู่ภายใน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สร้างความปั่นป่วนหวาดกลัวให้เกิดแก่หมูประชาชนเป็นอันมาก ทำให้แพทย์พยาบาลไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยได้ต้องหยุดรักษาและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปที่ รพ.อื่น สร้างความเดือดร้อนอย่างมาก
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 25 เม.ย.53 เวลาประมาณ 22.00 น.นายสมพงศ์ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ ว่า ได้ขว้างระเบิดสังหาร เค-75 ที่ผลิตในเกาหลี ใส่บ้านพักของ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ย่านบางพลัด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 7-8 คน รถยนต์เสียหาย 2 คัน และมีการออกหมายจับในคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นไว้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเนินคดีทั้ง 2 ข้อหา
“จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับว่าบุกและนำคนเข้าไปบุกใน รพ.จุฬาฯ แต่สุดท้ายให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า หมายความว่าอะไร แต่ตามรูปแบบถือว่าภาคเสธ ในวันพุทธพนักงานสอบสวน จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว ถือว่าเข้าข่ายก่อการร้ายเป็นแกนนำ มีลักษณะความผิดที่รุนแรง ไม่เข้าข่ายแนวร่วมกลุ่มเสื้อแดง 104 คน ที่ ครม.มีมติให้ประกันตัวไปก่อนหน้า ส่วนกรณีขว้างระเบิดใส่บ้านนายบรรหาร ผู้ต้องหาก็ปฏิเสธ แต่ดีเอสไอมีพยานหลักฐาน ส่วนเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ในช่วงการชุมนุม เท่าที่ตรวจสอบในขณะนี้ยังไม่มีประวัติในฐานข้อมูล” นายธาริต กล่าว
ด้าน นายสมพงศ์ ผู้ต้องหารายนี้ให้การว่า มาจากจังหวัดศรีสะเกษ เข้ามากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ตอนนั้นยังไม่ได้เป็น นปช.และเสื้อแดง เพียงอยากมาเที่ยวดูการชุมนุม เมื่อเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าฯ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.นั้น ถูกกระสุนยางยิงจนต้องเข้า รพ.ราชวิถี จากนั้นได้กลับศรีสะเกษ ก่อนกลับเข้าร่วมชุมชุมอีกครั้งที่ราชประสงค์เมื่อวันที่ 19 เม.ย.และได้สมัครสมาชิก นปช.ก่อนจับกลุ่มเป็นการ์ดอาสา มีหน้าที่ดูแลพี่น้องที่พักผ่อนอยู่บริเวณพระบรมรูป ร.6 คอยยกเต็นท์ เสิร์ฟอาหาร แจกจ่ายเสบียง ดูแลทรัพย์สิน ส่วนเหตุการณ์บุก รพ.จุฬาฯ นายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำน นปช.ได้สั่งให้พวกตนรวมตัวกันและขึ้นไป ช่วยดูใน รพ.จุฬาฯ ว่ามีทหารหรือไม่ จนคนเสื้อแดงจะบุกเข้าไป ตนจึงเข้าไปห้าม เพราะถ้าไม่เจออะไรจะทำให้ของ รพ.เสียหาย และเสนอให้ตนเป็นตัวแทนเข้าไปตรวจสอบ จนปรากฏภาพถ่ายว่าตนพูดกับเจ้าหน้าที่ รพ.ไม่ดี ไม่เป็นความจริงตนเพียงเข้าไปบอกว่าขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่หรือ รปภ.พาเข้าไปตรวจสอบ
ผู้ต้องหาคดีบุก รพ.จุฬาฯ รายนี้ กล่าวอีกว่า หลังการสลายการชุมนุม ได้ถูกจับเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่วัดปทุมวนาราม ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และถูกส่งตัวไปศาลแขวงปทุมวัน ก่อนส่งตัวไปที่เรือนจำจนได้ประกันตัวออกมาในคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.จากนั้นได้กลับบ้านที่ศรีสะเกษ และได้มารายงานตัวตามนัดศาลทุกครั้ง กระทั่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง ต่อมา เมื่อทราบว่าถูกดำเนินคดีก่อการร้ายแต่มั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องจึงไม่หนี
“ที่โดนจับครั้งนี้ มีตำรวจ สภ.ศรีสะเกษ ที่รู้จักโทรศัพท์ให้มาช่วยงานคดียาเสพติด พร้อมเรียกให้ไปพบ รอง ผกก.สภ.เมืองที่โรงพัก ผมจึงขี่ จยย.เข้าไป จนถูกดีเอสไอจับกุม และแจ้งข้อหาก่อการร้ายและนำตัวมากรุงเทพฯ ส่วนบ้านนายบรรหารนั้น ผมไม่เกี่ยว และไม่รู้จักว่าอยู่ที่ไหน เพราะผมอยู่ศรีสะเกษตั้งแต่เกิด มากรุงเทพฯครั้งแรกก็ชุมนุมที่ผ่านฟ้า และราชประสงค์ ไม่เคยได้ไปไหน” นายสมพงศ์ ยืนยัน
วันนี้ (11 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย แถลงข่าว พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง ผอ.ส่วนสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ พ.ต.อ.ไพศิษฐ์ วงศ์เมือง ผอ.ส่วนปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ ร่วมกันจับกุมตัว นายสมพงศ์ บังชม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1279/15 ต.เมืองเหนือ อ.เมืองศรีสะเกษ หัวหน้าการ์ด นปช.กลุ่มสมิงดำ ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันหรือสนับสนุนให้มีการก่อการร้ายตามหมายจับศาลอาญาที่ 2674/53 ลงวันที่ 29 พ.ย.53 และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นตามหมายจับศาลแขวงตลิ่งชันที่ จ.342/53 ลงวันที่ 26 เม.ย.53 หลังดีเอสไอพบว่าได้ร่วมกับพวกขว้างระเบิดชนิดสังหารแบบ เค-75 ใส่บริเวณหน้าบ้านพักของ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี
นายธาริต กล่าวว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ ได้ร่วมกับตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสมพงศ์ บังชม ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีก่อการร้าย เมื่อ 22.00 น.วันจันทร์ที่ 10 ธ.ค.จากนั้นได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ดีเอสไอ พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันสนับสนุนการก่อการร้าย โดยในช่วงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ผู้ต้องหารับผิดชอบพื้นที่การชุมนุมบริเวณศาลาแดง มีการ์ดในความรับผิดชอบ 300 คน ส่วนรายละเอียดพฤติการณ์ในการกระทำความผิด เมื่อวันที่ 29 เม.ย.53 นายสมพงศ์ ได้นำการ์ด นปช.ประมาณ 200 คน บุกเข้าปิดล้อมข่มขู่และตรวจค้น รพ.จุฬาฯ โดยอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารแอบซ่อนตัวอยู่ภายใน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สร้างความปั่นป่วนหวาดกลัวให้เกิดแก่หมูประชาชนเป็นอันมาก ทำให้แพทย์พยาบาลไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยได้ต้องหยุดรักษาและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปที่ รพ.อื่น สร้างความเดือดร้อนอย่างมาก
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 25 เม.ย.53 เวลาประมาณ 22.00 น.นายสมพงศ์ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ ว่า ได้ขว้างระเบิดสังหาร เค-75 ที่ผลิตในเกาหลี ใส่บ้านพักของ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ย่านบางพลัด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 7-8 คน รถยนต์เสียหาย 2 คัน และมีการออกหมายจับในคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นไว้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเนินคดีทั้ง 2 ข้อหา
“จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับว่าบุกและนำคนเข้าไปบุกใน รพ.จุฬาฯ แต่สุดท้ายให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า หมายความว่าอะไร แต่ตามรูปแบบถือว่าภาคเสธ ในวันพุทธพนักงานสอบสวน จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว ถือว่าเข้าข่ายก่อการร้ายเป็นแกนนำ มีลักษณะความผิดที่รุนแรง ไม่เข้าข่ายแนวร่วมกลุ่มเสื้อแดง 104 คน ที่ ครม.มีมติให้ประกันตัวไปก่อนหน้า ส่วนกรณีขว้างระเบิดใส่บ้านนายบรรหาร ผู้ต้องหาก็ปฏิเสธ แต่ดีเอสไอมีพยานหลักฐาน ส่วนเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ในช่วงการชุมนุม เท่าที่ตรวจสอบในขณะนี้ยังไม่มีประวัติในฐานข้อมูล” นายธาริต กล่าว
ด้าน นายสมพงศ์ ผู้ต้องหารายนี้ให้การว่า มาจากจังหวัดศรีสะเกษ เข้ามากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ตอนนั้นยังไม่ได้เป็น นปช.และเสื้อแดง เพียงอยากมาเที่ยวดูการชุมนุม เมื่อเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าฯ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.นั้น ถูกกระสุนยางยิงจนต้องเข้า รพ.ราชวิถี จากนั้นได้กลับศรีสะเกษ ก่อนกลับเข้าร่วมชุมชุมอีกครั้งที่ราชประสงค์เมื่อวันที่ 19 เม.ย.และได้สมัครสมาชิก นปช.ก่อนจับกลุ่มเป็นการ์ดอาสา มีหน้าที่ดูแลพี่น้องที่พักผ่อนอยู่บริเวณพระบรมรูป ร.6 คอยยกเต็นท์ เสิร์ฟอาหาร แจกจ่ายเสบียง ดูแลทรัพย์สิน ส่วนเหตุการณ์บุก รพ.จุฬาฯ นายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำน นปช.ได้สั่งให้พวกตนรวมตัวกันและขึ้นไป ช่วยดูใน รพ.จุฬาฯ ว่ามีทหารหรือไม่ จนคนเสื้อแดงจะบุกเข้าไป ตนจึงเข้าไปห้าม เพราะถ้าไม่เจออะไรจะทำให้ของ รพ.เสียหาย และเสนอให้ตนเป็นตัวแทนเข้าไปตรวจสอบ จนปรากฏภาพถ่ายว่าตนพูดกับเจ้าหน้าที่ รพ.ไม่ดี ไม่เป็นความจริงตนเพียงเข้าไปบอกว่าขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่หรือ รปภ.พาเข้าไปตรวจสอบ
ผู้ต้องหาคดีบุก รพ.จุฬาฯ รายนี้ กล่าวอีกว่า หลังการสลายการชุมนุม ได้ถูกจับเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่วัดปทุมวนาราม ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และถูกส่งตัวไปศาลแขวงปทุมวัน ก่อนส่งตัวไปที่เรือนจำจนได้ประกันตัวออกมาในคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.จากนั้นได้กลับบ้านที่ศรีสะเกษ และได้มารายงานตัวตามนัดศาลทุกครั้ง กระทั่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง ต่อมา เมื่อทราบว่าถูกดำเนินคดีก่อการร้ายแต่มั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องจึงไม่หนี
“ที่โดนจับครั้งนี้ มีตำรวจ สภ.ศรีสะเกษ ที่รู้จักโทรศัพท์ให้มาช่วยงานคดียาเสพติด พร้อมเรียกให้ไปพบ รอง ผกก.สภ.เมืองที่โรงพัก ผมจึงขี่ จยย.เข้าไป จนถูกดีเอสไอจับกุม และแจ้งข้อหาก่อการร้ายและนำตัวมากรุงเทพฯ ส่วนบ้านนายบรรหารนั้น ผมไม่เกี่ยว และไม่รู้จักว่าอยู่ที่ไหน เพราะผมอยู่ศรีสะเกษตั้งแต่เกิด มากรุงเทพฯครั้งแรกก็ชุมนุมที่ผ่านฟ้า และราชประสงค์ ไม่เคยได้ไปไหน” นายสมพงศ์ ยืนยัน