“เสี่ยสมหวัง” ควงแขนทนาย นปช.เข้าแจ้งความดำเนินคดีนายกฯ “มาร์ค” ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ พร้อมแนบสำเนาโทรเลขอดีตทูตอเมริกา ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง นำออกเผยแพร่ในเว็บไซต์วิกิลีกส์ หลัง นปช.ร่อนหนังสือถึงนายกฯ ให้จัดการ “ป๋าเปรม” และผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าของโทรเลข แต่นายกฯ เฉยไม่ดำเนินคดีบุคคลทั้งหมด
วันนี้ (10 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. นายสมหวัง อัสราษี รองประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) กก.1 บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยนำสำเนาหนังสือที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.ส่งถึงนายกรัฐมนตรี และสำเนาโทรเลขของนายอีริค จี. จอห์น อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง นำออกเผยแพร่ในเว็บไซต์วิกิลีกส์ มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายสมหวังกล่าวว่า หลังจากทาง นปช.ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เร่งสั่งการให้ดำเนินคดีกับบุคคลต่างๆ ที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เช่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา นายอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอีริค จี. จอห์น เจ้าของโทรเลขที่มีเนื้อหาเข้าข่ายกระทำความผิดดังกล่าวโดยมีการนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์วิกิลีกส์ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ แต่เวลาล่วงเลยมาพอสมควรแล้ว นายอภิสิทธิ์กลับยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ และลักษณะความผิดนั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง ตนจึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมขอให้ตำรวจเร่งดำเนินการ
ด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ ก่อนจะนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 53 นายเมธี อมรวุฒิกุล แนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง ในฐานะพยานในคดีก่อการร้ายที่อยู่ในโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ หลังจากที่เจ้าตัวอ้างว่าถูกนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. โทรศัพท์ข่มขู่เอาชีวิต และได้ออกมาแฉพฤติกรรมแกนนำ นปช.ในเรื่องเงินบริจาค 68 ล้านบาท ว่ามีแกนนำ 3 คนที่รู้ดีที่สุด ส่วนจะโกงแบบไหนนั้นรายละเอียดไม่ขอพูด แต่คนเสื้อแดงไม่น้อย และคนที่รู้เรื่องภายในลึกๆ จะรู้ดีว่าเงินหายไปไหน พร้อมบอกว่าควรทำบัญชีให้โปร่งใสเช่นมีการตั้งกรรมการขึ้นมา ไม่ใช่ไปงุบงิบทำกันเอง และท้าด้วยว่าหากแน่จริงเอาหลักฐานบัญชีมาเปิดเผยให้คนเสื้อแดงได้รับรู้ว่าไม่ได้งุบงิบจริง แต่คงไม่ทันแล้วเพราะได้ข่าวว่าคนที่เกี่ยวข้องและเป็นญาติของแกนนำกลุ่ม นปช.ที่เกี่ยวข้องกับเงินบริจาคหนีไปอยู่ประเทศมาเลเซียแล้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค.53 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายสมหวัง อัสราษี เจ้าของบริษัท มิตซูชิต้า และแนวร่วมกลุ่ม นปช. ในฐานะผู้ดูแลด้านการเงินของ นปช. ได้กล่าวถึงกรณีที่นายเมธี อมรวุฒิกุล พยานคดีก่อความไม่สงบในการดูแลของดีเอสไอ ออกมาระบุว่าแกนนำกลุ่มเสื้อแดงยักยอกเงินบริจาคจำนวน 68 ล้านบาทว่า ไม่ทราบว่านายเมธีเอาข้อมูลจากไหนมาพูด นายเมธีควรเปิดเผยชื่อให้ชัดเจนว่าญาติใครเป็นคนยักยอกเงินแล้วหนีไปประเทศมาเลเซีย
ส่วนเงินบริจาคคนเสื้อแดงทั้งหมดมีจำนวน 37 ล้านบาทนั้น นายสมหวังกล่าวว่า ตนดูแลเงินในจำนวนนี้ โดยมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายและมีการชี้แจงบัญชีต่อแกนนำทุก 10 วัน ซึ่งเงินในจำนวนนี้ได้ใช้จ่ายเรื่องค่าอาหาร และสวัสดิการในช่วงการชุมนุม สำหรับเงินบริจาคให้ผู้ที่เสียชีวิตจากการชุมนุมนั้น เป็นคนละส่วนกันเงินบริจาคดังกล่าว ซึ่งคนชื่อแหม่มเป็นคนดูแลบัญชีทั้งหมด แต่ไม่ทราบว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ต้องถามคนที่ดูแลบัญชีเอง ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีการยักยอกเงินในส่วนนี้ ซึ่งจะมีการฟ้องร้องนายเมธีหรือไม่ นายสมหวังกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช.ว่าจะฟ้องร้องหรือไม่
