ครูยุ่นพา 2 เด็กหญิงชาวลาวเข้าแจ้งความดำเนินคดีนายจ้าง กักขังหน่วงเหนี่ยว ใช้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ถ้าไม่ทำตามจะตบตีลวนลามจับหน้าอก แถมไม่จ่ายค่าจ้างตามที่ตกลง ขณะที่นายจ้างตัวแสบ ปฏิเสธไม่เคยบังคับใครทำงาน ที่ถูกแจ้งจับเป็นเพราะถูกคนที่ไม่ชอบกลั่นแกล้ง
วันนี้ (7 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.บช.น.) นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ได้พา ด.ญ.นก และด.ญ.เป็ด (นามสมมติ) สัญชาติลาว อายุ 14 ปีเท่ากัน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จารุต ศรุตยาพร รอง ผกก.ดส. และ พ.ต.ต.สวัสดิ์ ภักดี สว.งานสงเคราะห์และคุ้มครอง กก.ดส. เพื่อแจ้งความว่าเด็กสาวทั้งสองรายถูกนายสมบัติ แสงรุ่ง อายุ 46 ปี ผู้นายจ้างกักขังหน่วงเหนี่ยวและกระทำอนาจาร
นายมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา ให้เข้ามาช่วยเหลือเด็กสาวชาวลาวทั้งสองคนที่หลบหนีมาโรงงานทำเครื่องประดับแห่งหนึ่งใน ซอยเพชรเกษม 48 เนื่องจากถูกนายจ้างกักขังหน่วงเหนี่ยวและใช้กำลังบังคัยทำอนาจาร ซึ่งจากการสอบถามเด็กสาวทั้งสองก็ทราบว่า ทั้งคู่มีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองมูลละปาโมก แขวงจำปาสัก ประเทศลาว โดยเมื่อต้นปี 52 ที่ผ่านมา ได้มีนายหน้าชาวไทยไปชักชวนเด็กสาวทั้งสองคนให้มาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ในกทม.โดยจะให้ค่าจ้างเดือนละ 4,000 บาท
นายมนตรี กล่าวต่อว่า แต่เมื่อมาถึงที่กทม. เด็กสาวทั้งสองคนกลับถูกส่งตัวมายังโรงงานดังกล่าวใน ซอยเพชรเกษม 48 และตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ที่โรงงานดังกล่าว ก็ถูกนายสมบัติ ผู้เป็นนายจ้างบังคับให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ หากไม่ทำตามก็จะใช้กำลังตบตี รวมทั้งจะกักขังไม่ให้ออกไปไหน นอกจากนี้ ด.ญ.นก ยังเคยถูกนายสมบัติใช้กำลังลวนลามด้วยการจับหน้าอก จน ด.ญ.นก ทนไม่ไหว จึงไปเล่าให้กับภรรยาของนายสมบัติฟัง แต่กลับถูกต่อว่าแทน ส่วนเรื่องค่าจ้างจากเดิมที่เคยตกลงไว้ว่าจะให้เดือนละ 4,000 บาท นั้น เด็กสาวทั้งสองคนไม่เคยได้รับค่าจ้างเดือนละ 4,000 บาท ตามที่ตกลงไว้เลย จนทั้งคู่ทนไม่ไหวอาศัยจังหวะช่วงเทศกาลปีใหม่หลบหนีออกมาได้
ด้าน ด.ญ.นก กล่าวว่า มีคนรู้จักชักชวนตนกับเพื่อนอีก 3 คนให้มาทำงานที่กทม. โดยตนถูกส่งมาอยู่ที่โรงงานดังกล่าว ส่วนอีก 2 คนไม่รู้ว่าถูกส่งไปอยู่ที่ใด และตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ที่นี่ นายสมบัติก็ไม่เคยให้ออกไปไหน แม้กระทั่งซื้อข้าวหรือติดต่อกับพ่อแม่ ก็ไม่อนุญาต ซึ่งบางครั้งนายสมบัติ ก็พยายามลวนลามตนโดยเมื่อตนไม่ยอม ก็จะถูกห้ามออกไปไหนและห้ามบอกใคร บางครั้งขณะทำงานก็ถูกนายสมบัติใช้มือมาตบที่หัวบ้างจนทนไม่ไหว จึงตัดสินใจหนีออกมาและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โคราชจับกุมจึงเล่าให้ตำรวจฟัง ก่อนจะให้นายมนตรีรับตัวไป
ด้าน พ.ต.ท.จารุต กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กก.ดส.นำกำลังเข้าตรวจค้นที่โรงงานดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งจะเชิญตัวนายสมบัติซึ่งเป็นนายจ้างมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่า นายสมบัติมีพฤติกรรมตามที่เด็กสาวทั้งสองให้การ ก็จะดำเนินการในข้อหาแสวงประโยชน์จากเด็ก ตาม พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ รวมทั้งจะดำเนินคดีในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ,ให้ที่พักพิงคนต่างด้าว , มีเจตนาไม่จ่ายค่าแรง ตามพ.ร.บ.แรงงาน
ต่อมาเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.สวัสดิ์ ภักดี สว.งานสงเคราะห์และคุ้มครอง กก.ดส.บช.น.ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ภาษีเจริญ เพื่อนำกำลังเข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 30-32 ซอยเพชรเกษม 48 แยก 22 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ติดกัน 2 หลัง ประกอบกิจการทำทองเหลือง
เมื่อไปถึงก็พบนายสมบัติ แสงรุ่ง อายุ 46 ปี เป็นเจ้าของกิจการ จึงเชิญตัวมาสอบปากคำ โดบเบื้องต้นเจ้าตัวให้การว่า ที่โรงงานไม่มีการกักขังคนงาน โดยคนงานชาวลาวทั้งหมดที่จ้างมาผ่านนายหน้าราคา 5,000 บาท และก็มีห้องให้นอน ทำงานตั้งแต่เวลา 08.00 น. และก็จะพักช่วงบ่าย ก่อนทำงานช่วงเย็นจนถึงดึกเป็นประจำ ส่วนเรื่องเด็กทั้งสองคนไปแจ้งความนั้น ที่น่าจะเป็นการกลั่นแกล้งจากคนที่ไม่ชอบกันมากกว่า ส่วนสาเหตุที่ตนไม่จ้างลูกจ้างชาวไทยนั้นเพราะลูกจ้างชาวไทยชอบขโมย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจค้นภายในบ้าน ก็พบลูกจ้างชาวลาวชายหญิง อีก 2 คน ทั้งคู่อายุ 16 ปี อยู่ในห้องนอนชั้น 4 เมื่อทั้งสองคนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็รีบขอร้องให้ช่วยเหลือนำตัวออกมาทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสมบัติ ไปสอบปากคำพร้อมดำเนินคดีในข้อหาให้ที่พักพิงกับชาวต่างด้าว ส่วนจะเข้าข่ายกักขังหรือไม่นั้นจะต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง
ด้าน พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผกก.สน.ภาษีเจริญ กล่าวว่า กรณีนี้ถือว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบพบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอาศัยอยู่ในโรงงาน ซึ่งทั้งหมดให้การยืนยันว่า ถูกนายสมบัติกักขังและทำร้ายร่างการจึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้งหมดยังเป็นเยาวชน และเป็นผู้ถูกกระทำ จึงต้องนำเข้าขบวนการฟื้นฟูและคุ้มครองแรงงาน โดยจะมีนักสังคมสงเคราะห์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่งไปเข้าขบวนการที่บ้านเกร็ดตระการ นนทบุรี จากนั้นจะนัดนักจิตวิทยา อัยการ และพนักงานสอบสวน เพื่อร่วมกันสอบปากคำโดยละเอียดอีกครั้ง