ASTVผู้จัดการรายวัน- “แพรวา”มอบตัววันนี้ ตำรวจ สน.วิภาวดี จัดนักจิตวิทยา อัยการร่วมสอบ ด้านตำรวจเชิญเจ้าของรถให้ปากคำ ชี้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย มธ.ตั้งทนายความเป็นโจทก์ร่วมฟ้องทั้งคดีแพ่ง-อาญา ด้านพฐ. หาหลักฐานเพิ่มเติมประกอบสำนวนคดี
วานนี้ (4 ม.ค.) จากกรณี น.ส.อรชร หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 17 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค ชนรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สน.วิภาวดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางมาตรวจสอบรถตู้โดยสาร โตโยต้า สีขาว ทะเบียน 13-7795 กทม.วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-บีทีเอส (หมอชิต) ที่ถูกรถเก๋งของ น.ส.อรชร ขับพุ่งชนดังกล่าว พร้อมทั้งได้ตรวจสอบรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน ฎว 8461 กทม.ที่ น.ส.อรชร นำมาใช้ขับขี่ด้วย เพื่อหาหลักฐานร่องรอยการเฉี่ยวชนเพิ่มเติม โดยหลักฐานในการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดจะนำไปมอบให้กับ พ.ต.ท.ฉัตรชัย เอี่ยมอ่อง พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.วิภาวดี เจ้าของคดีดังกล่าว เพื่อนำไปประกอบในสำนวนคดีต่อไป
ในวันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.(รับผิดชอบงานจราจร) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (5 ม.ค.) เวลา 12.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี ได้เชิญตัว น.ส.อรชร มาสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีสหวิชาชีพ อัยการ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และบุคคลที่ผู้ต้องหาไว้วางใจ และเจ้าหน้าที่่ตำรวจเข้าร่วมสอบปากคำด้วย จากนั้นจะส่งตัวไปยังสถานพินิจดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ เบื้องต้นจะแจ้งข้อหาหลักขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต่อน.ส.อรชร
ส่วนผู้ให้ยืมรถ หรือเจ้าของรถนั้น จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาเป็นเจ้าของรถ แต่ยินยอมให้ผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถหรือใบอนุญาตประเภทอื่น มีความผิดโทษ มาตรา 56 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งคาดว่า เจ้าหน้าที่จะเชิญตัวเจ้าของรถฮอนด้าซีวิคคันดังกล่าวมาสอบปากคำพร้อมกันในวันนี้ด้วย โดยตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
**ส่งตัวสถานพินิจภายใน 24 ชม.**
นายสุนทร เพิงมาก รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ตามขั้นตอน ภายหลังตำรวจเจ้าของคดีแจ้งข้อหาแล้ว พนักงานสอบสวนจะมีคำสั่งให้ผู้ต้องหามาพบพนักงานคุมประพฤติ โดยต้องมีคำสั่งส่งตัวมายังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งผู้อำนวยการสถานพินิจฯ มีอำนาจในการพิจารณาจากคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีการแจ้งจับกุมตัวหรือไม่ หากเป็นการไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อหาและเข้าสู่ขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ไม่ต้องพิจารณาเรื่องการให้ประกันตัว เพราะถือว่ายังไม่มีการจับกุมตัว เมื่อสอบสวนเสร็จก็ปล่อยตัวได้ แต่หากตำรวจแจ้งว่ามีการจับกุมตัวแล้ว จึงจะพิจารณาเรื่องการควบคุมตัว ซึ่งเด็กหญิงจะควบคุมตัวที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านปรานี
"ตามหลักการแล้ว วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องส่งตัวเยาวชนมาที่สถานพินิจฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่คุมประพฤติและนักจิตวิทยา สอบปากคำ ทำรายงานเสนอต่อศาลตามที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติ ซึ่งสถานพินิจฯ จะเตรียมพนักงานคุมประพฤติและนักจิตวิทยา ที่มีความเชี่ยวชาญทำการสอบปากคำ"นายสุนทรกล่าว
นางทัศนาวิไล ไกรนรา ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากตำรวจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จึงยังไม่ต้องเตรียมการใดๆ เมื่อถามถึงมาตรการสอบปากคำและการจัดเตรียมนักจิตวิทยา ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ กล่าวว่า หากมีการส่งตัวมายังสถานพินิจฯ จะทำการสอบสวนเช่นเดียวกับเยาวชนที่กระทำผิดตามปกติ
**มธ.ตั้งทนายความฟ้องแพ่ง-อาญา **
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า จากการพูดคุยกับญาติและครอบครัวของผู้เสียหาย ส่วนใหญ่เป็นห่วงและอยากทราบความคืบหน้าของคดี แต่ไม่ทราบว่าจะติดตามความคืบหน้าของคดีได้อย่างไร จึงอยากให้ มธ.เข้าไปช่วยเหลือ ดังนั้น มธ.จะเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมเพื่อจะได้ติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งทางผู้เสียหายจะต้องมอบอำนาจ แล้วมธ.จะตั้งทนายความเข้าไปเป็นโจทก์ร่วม ซึ่งทีมงานกฎหมายของมธ. จะหารือกันอีกครั้งว่าจะเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมเมื่อใด แต่โดยหลักการต้องรอให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไปก่อน มีการตั้งข้อหากระทำด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งในคดีอาญาตำรวจและอัยการจะเป็นโจทก์ฟ้อง และเนื่องจากครอบครัวผู้เสียหายรู้สึกว่าผู้กระทำโดยประมาท ยังไม่ชัดเจนในเรื่องการแสดงความรับผิดชอบ ดังนั้น นอกจากมธ. จะตั้งทนายความเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมแล้ว จะขอให้ดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวข้องคดีอาญา ไปพร้อมกันด้วย
วานนี้ (4 ม.ค.) จากกรณี น.ส.อรชร หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 17 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค ชนรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สน.วิภาวดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางมาตรวจสอบรถตู้โดยสาร โตโยต้า สีขาว ทะเบียน 13-7795 กทม.วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-บีทีเอส (หมอชิต) ที่ถูกรถเก๋งของ น.ส.อรชร ขับพุ่งชนดังกล่าว พร้อมทั้งได้ตรวจสอบรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน ฎว 8461 กทม.ที่ น.ส.อรชร นำมาใช้ขับขี่ด้วย เพื่อหาหลักฐานร่องรอยการเฉี่ยวชนเพิ่มเติม โดยหลักฐานในการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดจะนำไปมอบให้กับ พ.ต.ท.ฉัตรชัย เอี่ยมอ่อง พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.วิภาวดี เจ้าของคดีดังกล่าว เพื่อนำไปประกอบในสำนวนคดีต่อไป
ในวันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.(รับผิดชอบงานจราจร) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (5 ม.ค.) เวลา 12.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี ได้เชิญตัว น.ส.อรชร มาสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีสหวิชาชีพ อัยการ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และบุคคลที่ผู้ต้องหาไว้วางใจ และเจ้าหน้าที่่ตำรวจเข้าร่วมสอบปากคำด้วย จากนั้นจะส่งตัวไปยังสถานพินิจดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ เบื้องต้นจะแจ้งข้อหาหลักขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต่อน.ส.อรชร
ส่วนผู้ให้ยืมรถ หรือเจ้าของรถนั้น จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาเป็นเจ้าของรถ แต่ยินยอมให้ผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถหรือใบอนุญาตประเภทอื่น มีความผิดโทษ มาตรา 56 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งคาดว่า เจ้าหน้าที่จะเชิญตัวเจ้าของรถฮอนด้าซีวิคคันดังกล่าวมาสอบปากคำพร้อมกันในวันนี้ด้วย โดยตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
**ส่งตัวสถานพินิจภายใน 24 ชม.**
นายสุนทร เพิงมาก รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ตามขั้นตอน ภายหลังตำรวจเจ้าของคดีแจ้งข้อหาแล้ว พนักงานสอบสวนจะมีคำสั่งให้ผู้ต้องหามาพบพนักงานคุมประพฤติ โดยต้องมีคำสั่งส่งตัวมายังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งผู้อำนวยการสถานพินิจฯ มีอำนาจในการพิจารณาจากคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีการแจ้งจับกุมตัวหรือไม่ หากเป็นการไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อหาและเข้าสู่ขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ไม่ต้องพิจารณาเรื่องการให้ประกันตัว เพราะถือว่ายังไม่มีการจับกุมตัว เมื่อสอบสวนเสร็จก็ปล่อยตัวได้ แต่หากตำรวจแจ้งว่ามีการจับกุมตัวแล้ว จึงจะพิจารณาเรื่องการควบคุมตัว ซึ่งเด็กหญิงจะควบคุมตัวที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านปรานี
"ตามหลักการแล้ว วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องส่งตัวเยาวชนมาที่สถานพินิจฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่คุมประพฤติและนักจิตวิทยา สอบปากคำ ทำรายงานเสนอต่อศาลตามที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติ ซึ่งสถานพินิจฯ จะเตรียมพนักงานคุมประพฤติและนักจิตวิทยา ที่มีความเชี่ยวชาญทำการสอบปากคำ"นายสุนทรกล่าว
นางทัศนาวิไล ไกรนรา ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากตำรวจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จึงยังไม่ต้องเตรียมการใดๆ เมื่อถามถึงมาตรการสอบปากคำและการจัดเตรียมนักจิตวิทยา ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ กล่าวว่า หากมีการส่งตัวมายังสถานพินิจฯ จะทำการสอบสวนเช่นเดียวกับเยาวชนที่กระทำผิดตามปกติ
**มธ.ตั้งทนายความฟ้องแพ่ง-อาญา **
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า จากการพูดคุยกับญาติและครอบครัวของผู้เสียหาย ส่วนใหญ่เป็นห่วงและอยากทราบความคืบหน้าของคดี แต่ไม่ทราบว่าจะติดตามความคืบหน้าของคดีได้อย่างไร จึงอยากให้ มธ.เข้าไปช่วยเหลือ ดังนั้น มธ.จะเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมเพื่อจะได้ติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งทางผู้เสียหายจะต้องมอบอำนาจ แล้วมธ.จะตั้งทนายความเข้าไปเป็นโจทก์ร่วม ซึ่งทีมงานกฎหมายของมธ. จะหารือกันอีกครั้งว่าจะเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมเมื่อใด แต่โดยหลักการต้องรอให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไปก่อน มีการตั้งข้อหากระทำด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งในคดีอาญาตำรวจและอัยการจะเป็นโจทก์ฟ้อง และเนื่องจากครอบครัวผู้เสียหายรู้สึกว่าผู้กระทำโดยประมาท ยังไม่ชัดเจนในเรื่องการแสดงความรับผิดชอบ ดังนั้น นอกจากมธ. จะตั้งทนายความเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมแล้ว จะขอให้ดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวข้องคดีอาญา ไปพร้อมกันด้วย
