18 มงกุฏ เข้าไปตีสนิทสวป. อ้างเป็นผู้พิพากษา และนรต.42 ช่วยวิ่งเต้นโยกย้ายไปอยู่โรงพักเกรดเอได้ สวป.เลยสงสัยในพฤติกรรม ตามเช็กประวัติ พบหมายจับติดหลังถึง 2 หมายจับในคดีฉ้อโกง เลยไปดักจับได้ เจ้าตัวยังบให้การภาคเสธ ระบุที่ตีสนิทสวป. เพราะหวังกินอาหารฟรีเท่านั้น
วันนี้ (7 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สน.ภาษีเจริญ พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผกก.สน.ภาษีเจริญ พ.ต.ท.รุ่งนิรันต์ จันทร์ศิริ สวป.สน.ภาษีเจริญ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ภาษีเจริญ แถลงการจับกุมนายชยุตพงศ์ สังข์ศิริ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/1 ซอยมนตรีสุริยวงศ์ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุตรดิษถ์ เลขที่ 1200/2547 และ1202/2547 ลงวันที่ 20 ธ.ค.47 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และหมายจับศาลจังหวัดอุตรดิษถ์ เลขที่ 193/2548 ลงวันที่ 20 ธ.ค.48 ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์
พ.ต.อ.สุรชัย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากนายชยุตพงศ์ ได้ตระเวนหลอกลวงเหยื่อด้วยการแอบอ้างตัวเป็นผู้พิพากษาในศาล หรือเป็นนายตำรวจที่รู้จักผู้ใหญ่หลายคน และสามารถวิ่งเต้นฝากเข้ารับราชการหรือโยกย้ายตำแหน่งให้ได้ แต่ต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่ง จนมีผู้เสียหลายคนหลงเชื่อเสียเงินให้กับผู้ต้องหาไปแล้วเป็นจำนวนหลายล้านบาท ต่อมานายชยุตพงศ์ ได้ไปพบกับ พ.ต.ท.รุ่งนิรันต์ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑล สาย 1 ก่อนจะเข้ามาตีสนิท พร้อมแอบอ้างว่า เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 42 สามารถช่วยโยกย้ายให้ไปรับตำแหน่งที่ สน.พญาไท ได้
พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวต่อว่า ทาง พ.ต.ท.รุ่งนิรันต์ ไม่ปักใจเชื่อ พร้อมทั้งทำการตรวจสอบประวัติของนายชยุตพงศ์อย่างละเอียดก็พบว่า เจ้าตัวมีหมายจับคดีฉ้อโกงทรัพย์ติดตัวอยู่ถึง 3 หมายด้วย จึงทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบนายชยุตพงศ์ พักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยชัยพฤกษ์ 9 แขวงและเขตตลิ่งชัน จึงนำกำลังเข้าจับกุมเอาไว้ได้ ขณะเจ้าตัวกำลังเดินออกมาจากคอนโดมิเนียมดังกล่าว ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ
จากการสอบสวนนายชยุตพงศ์ ให้การภาคเสธว่า ก่อนหน้านี้ ไม่เคยไปเรียบรับเงินเพื่อช่วยวิ่งเต้นให้เข้ารับราชการหรือโยกย้ายแต่อย่างใด แต่ที่เข้าไปตีสนิทกับ พ.ต.ท.รุ่นนิรันต์ พร้อมแอบอ้างว่าเป็นนรต.รุ่น 42 นั้น ก็เพราะต้องการกินฟรีเท่านั้น และเพิ่งจะทำเป็นครั้งแรก ส่วนเรื่องหมายจับที่ จ.อุตรดิษถ์นั้น เป็นเพราะได้ไปกับเพื่อนรุ่นน้องที่รู้จักกันคนหนึ่ง ที่ไปหลอกเรียกรับเงินจากเหยื่อ ว่าจะช่วยให้เข้ารับราชการทหาร แต่ภายหลังรุ่นน้องหลบหนีไป และตนได้ชดใช้เงินแทนไปแล้ว โดยเรื่องกำลังอยู่ในชั้นศาล
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อในคำให้การของนายชยุตพงศ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นตำรวจจริง สามารถช่วยวิ่งเต้นโยกย้ายได้ จนถูกเรียกรับเงินไปแล้วหลายราย จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีต่อไป




วันนี้ (7 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สน.ภาษีเจริญ พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผกก.สน.ภาษีเจริญ พ.ต.ท.รุ่งนิรันต์ จันทร์ศิริ สวป.สน.ภาษีเจริญ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ภาษีเจริญ แถลงการจับกุมนายชยุตพงศ์ สังข์ศิริ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/1 ซอยมนตรีสุริยวงศ์ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุตรดิษถ์ เลขที่ 1200/2547 และ1202/2547 ลงวันที่ 20 ธ.ค.47 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และหมายจับศาลจังหวัดอุตรดิษถ์ เลขที่ 193/2548 ลงวันที่ 20 ธ.ค.48 ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์
พ.ต.อ.สุรชัย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากนายชยุตพงศ์ ได้ตระเวนหลอกลวงเหยื่อด้วยการแอบอ้างตัวเป็นผู้พิพากษาในศาล หรือเป็นนายตำรวจที่รู้จักผู้ใหญ่หลายคน และสามารถวิ่งเต้นฝากเข้ารับราชการหรือโยกย้ายตำแหน่งให้ได้ แต่ต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่ง จนมีผู้เสียหลายคนหลงเชื่อเสียเงินให้กับผู้ต้องหาไปแล้วเป็นจำนวนหลายล้านบาท ต่อมานายชยุตพงศ์ ได้ไปพบกับ พ.ต.ท.รุ่งนิรันต์ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑล สาย 1 ก่อนจะเข้ามาตีสนิท พร้อมแอบอ้างว่า เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 42 สามารถช่วยโยกย้ายให้ไปรับตำแหน่งที่ สน.พญาไท ได้
พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวต่อว่า ทาง พ.ต.ท.รุ่งนิรันต์ ไม่ปักใจเชื่อ พร้อมทั้งทำการตรวจสอบประวัติของนายชยุตพงศ์อย่างละเอียดก็พบว่า เจ้าตัวมีหมายจับคดีฉ้อโกงทรัพย์ติดตัวอยู่ถึง 3 หมายด้วย จึงทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบนายชยุตพงศ์ พักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยชัยพฤกษ์ 9 แขวงและเขตตลิ่งชัน จึงนำกำลังเข้าจับกุมเอาไว้ได้ ขณะเจ้าตัวกำลังเดินออกมาจากคอนโดมิเนียมดังกล่าว ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ
จากการสอบสวนนายชยุตพงศ์ ให้การภาคเสธว่า ก่อนหน้านี้ ไม่เคยไปเรียบรับเงินเพื่อช่วยวิ่งเต้นให้เข้ารับราชการหรือโยกย้ายแต่อย่างใด แต่ที่เข้าไปตีสนิทกับ พ.ต.ท.รุ่นนิรันต์ พร้อมแอบอ้างว่าเป็นนรต.รุ่น 42 นั้น ก็เพราะต้องการกินฟรีเท่านั้น และเพิ่งจะทำเป็นครั้งแรก ส่วนเรื่องหมายจับที่ จ.อุตรดิษถ์นั้น เป็นเพราะได้ไปกับเพื่อนรุ่นน้องที่รู้จักกันคนหนึ่ง ที่ไปหลอกเรียกรับเงินจากเหยื่อ ว่าจะช่วยให้เข้ารับราชการทหาร แต่ภายหลังรุ่นน้องหลบหนีไป และตนได้ชดใช้เงินแทนไปแล้ว โดยเรื่องกำลังอยู่ในชั้นศาล
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อในคำให้การของนายชยุตพงศ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นตำรวจจริง สามารถช่วยวิ่งเต้นโยกย้ายได้ จนถูกเรียกรับเงินไปแล้วหลายราย จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีต่อไป