xs
xsm
sm
md
lg

“อติเทพ ปัญจมานนท์” คู่กัดเอเยนต์ยานรก!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ( ผบช.ปส.)
“จันทร์ส่องดาว” จันทร์นี้เต็มใจเสนอ พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ( ผบช.ปส.) หรือที่ใครๆเรียกกันว่า “พี่แป้น” คู่กัดแก๊งยานรกที่โชว์ผลงานจับกุมแบบรายวัน!

“พี่แป้น” เกิดเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2494 จบการศึกษาปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) เส้นทางชีวิตการรับราชการตำรวจ ถึงแม้จะไม่ได้จบนักเรียนนายร้อยตำรวจมาโดยตรง แต่ความสามารถและการทำหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์” ไม่แพ้ นรต.ในสายเลือดเลยทีเดียว

พล.ต.ท.อติเทพ เริ่มเข้ารับราชการครั้งแรก เมื่อปีพ.ศ. 2519 ในตำแหน่งรองสารวัตรแผนก 5 กองกำกับการ 2 กองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากร ถัดไปอีก 1 ปี ก็ขยับไปเป็นรองสารวัตร แผนก 6 กองกำกับการ 2 กองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากร ทำหน้าที่อยู่ 4 ปี ก่อนจะขยับขึ้นไปเป็นสารวัตรแผนกธุรการ กองกำกับการข่าว กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในปีพ.ศ.2525 จากนั้นพ.ศ.2526 ขยับไปเป็นสารวัตรแผนก 3 กองกำกับการ 8 กองบังคับการปราบปราม ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กองปราบนานถึง 6 ปี ก่อนที่จะขยับขึ้นรับตำแหน่ง รองผกก.3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ในปี พ.ศ.2535 และขยับขึ้นรับตำแหน่งผกก.6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ในปี พ.ศ.2537

ถัดมาในปีพ.ศ.2538 ขยับไปเป็นผกก. ทำหน้าที่รองหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้นเพียงแค่ 1 ปี ก็ขยับกลับมาเป็นผกก.2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวอีกครั้ง กระทั่งปีพ.ศ.2540 ขยับขึ้นเป็นรองผู้บังคับการ(หัวหน้าส่วนวิชาทั่วไป) สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ ปีพ.ศ.2542 ขยับเป็นรองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กระทั่งถึงปีพ.ศ.2543 เริ่มเข้ารับราชการที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ในตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 ถัดมาเพียง 1 ปี ก็ขยับขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 หลังจากที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 2 ปี ก็ขยับขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ก่อนที่จะขึ้นรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ปีพ.ศ.2552 อย่างเต็มตัวจนถึงปัจจุบัน

“ตั้งแต่แรก จริงๆแล้วไปสอบเตรียมทหารไว้ เพราะพ่ออยากให้เป็นทหาร แต่ตอนนั้นด้วยความเป็นวัยรุ่น ไม่ชอบไว้ผมสั้น เลยไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย และไปเจอกับเพื่อนคือ พล.ต.ท.กฤษฏา พันธุ์คงชื่น ซึ่งเขาเป็นตำรวจ เห็นแล้วมันเท่ห์ดี เลยเป็นจุดที่ทำให้ตัดสินใจที่จะเข้ารับราชการตำรวจ” พล.ต.ท.อติเทพ เล่าจุดเริ่มต้นในการเป็นตำรวจ

พล.ต.ท.อติเทพ เล่าถึงชีวิตก่อนที่จะมาลุยงานด้านการปราบปรามยาเสพติดว่า เมื่อครั้งที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ก็มีผู้ใหญ่ติดต่อทาบทามให้มารับหน้าที่ในด้านการปราบปรามยาเสพติด แต่ขณะนั้นมองว่าหากไปอยู่ตรงจุดนั้นแล้ว ถ้าไม่มีผลงานก็อยู่ลำบาก และหากจับยาเสพติดมากเกินไปอาจจะเป็นอันตรายแก่ตัวเองได้ แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจรับงาน ซึ่งเมื่อได้มารับหน้าที่ตรงนี้ก็รู้สึกสนุกและท้าทาย ไม่อยากย้ายไปไหนแล้ว ที่สำคัญหน้าที่ที่ผมทำก็เป็นการช่วยเหลือสังคมในการปราบปรามยาเสพติดให้หมดไป

สำหรับผลงานของนายตำรวจมือปราบยาเสพติดคนนี้ เรียกได้ว่ามีการจับกุมแทบจะทุกวัน เพื่อให้ยานรกเบาบางไปจากประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการจับกุมนักค้ารายใหญ่รายย่อย ผบช.ปส.คนนี้ ไม่เคยหวาดหวั่น

ในฐานะที่เป็นผู้ปราบปรามยาเสพติดและคลุกคลีอยู่ในด้านนี้มานาน พล.ต.ท.อติเทพ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาเรื่องยาเสพติดที่ไม่มีวี่แววว่าจะหมดไปจากประเทศไทย เอาไว้ว่า สาเหตุที่ทำให้ยาเสพติดยังแพร่ระบาดอยู่นั้นผมสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นเรื่องของ “การผลิต” ซึ่งมีปัจจัยอยู่ 3 อย่างที่เราเป็นกังวลคือ 1.การผลิตยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้าน การผลิตยาเสพติดไม่เหมือนกับการผลิตสินค้าอื่นทั่วๆไป ที่จะมีองค์กรต่างๆคอยควบคุม อย่างเช่นกรณีหากเกิดสินค้าล้นตลาด ก็จะหยุดการผลิต แต่การผลิตยาเสพติดเขานึกอยากจะผลิตเมื่อใดก็ได้ไม่มีใครควบคุม เพราะมันเป็นเรื่องของกองกำลังติดอาวุธที่อยู่ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านเรา

2.เมื่อก่อนดินแดนสามเหลี่ยมทองคำมีการผลิตฝิ่นมากที่สุด เพื่อที่จะเอามาผลิตเป็นยาเสพติดในหลายรูปแบบ แต่ทั้งนี้มันมีฤดูปลูก ฤดูอบ ฤดูเก็บเกี่ยวอะไรต่างๆมากมาย ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหันมาใช้สารซูโดอีเฟรดีน ซึ่งเป็นยาแก้หวัด สามารถนำไปสกัดเป็นส่วนผสมในการผลิตยาเสพติดได้โดยไม่ต้องรอฤดูต่างๆ 3.เรื่องกองกำลังที่ติดอาวุธ คนกลุ่มนี้เขาต้องคอยระวังกำลังพลของเขา และดูแลเรื่องผลประโยชน์ที่ได้จากการขายยาเพติด ทั้งหมดมันอยู่เหนือการควบคุมของประเทศไทย เพราะเขาอยู่ตรงนั้น ซึ่งในอนาคตอาจจะต้องมีการพิจารณาใช้นโยบายต่างๆของประเทศเพื่อนบ้านร่วมกัน

ยาบ้ามีการเสพมากที่สุดในกรุงเทพฯและปริมณฑล และยาบ้าเป็นยาที่คนไทยเสพมาที่สุดในโลก เราอาจจะต้องย้อนกลับมาดูด้วยว่าการศึกษาสามารถช่วยเป็นรั้วป้องกันได้ดีมากน้อยแค่ไหน “ผมเคยพูดว่าหากพรุ่งนี้บ้านเราไม่มีคนติดยาเลย แต่ยังมีการผลิตยาเสพติดอยู่ สักวันมันก็ต้องกลับมาติดอีก วิธีการป้องกันคือถ้าใครหยิบยื่นยานรกให้ เราอย่าไปเอา มันก็จะไม่มีคนติดยาอีก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว การดูแลเอาใจใส่คอยสอนลูกหลาน ก็จะเป็นเกราะป้องกันได้อย่างดี” ถึงแม้ว่ายาเสพติดจะมีเพิ่มมากขึ้น แต่เราก็มีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้สถิติการจับกุมมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 2 เท่าตัว

แต่ตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มเด็กแว๊น ตอนนี้ก็มีการวิเคราะห์กัน ว่าจุดไหนที่มีกลุ่มแก็งซิ่งอยู่ ปัญหายาเสพติดและปัญหาสังคมจะเยอะ เดี่ยวนี้รถจยย.ดาวน์ได้ง่ายมาก แต่พอซื้อมาแล้วไม่มีเงินผ่อน ก็ต้องไปทำงานที่มันหาเงินได้มากๆ ก็เลยเกิดการเข้าสูวงจรการค้ายานรกและเรื่องเด็กแว๊นยังเป็นที่มาของปัญหาอาชญากรรมอื่นๆอีกด้วย

ทั้งนี้บช.ปส.จะเน้นปราบปรามผู้ค้าและเครือข่ายรายสำคัญ รวมถึงกลุ่มผู้ค้ายาข้ามชาติ ไม่ได้ลงพื้นที่ตามชุมชนต่างๆมากนัก ดังนั้นทางสถานีตำรวจของแต่ละพื้นที่ที่มีข้อมูลของผู้ค้ารายย่อย จะต้องมีส่วนช่วยในการระดมกวาดล้างจับกุมด้วย อย่างในช่วงทีผ่านมารัฐบาลมีนโยบานในเร่งรัดปราบปราม แต่ละพื้นที่ก็จับกุมได้เยอะ ผู้ค้าและผู้เสพก็คงจะเริ่มกลัวไปบ้าง หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจังก็จะทำให้ยาเสพติดเบาบางลงไปได้

ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่จับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ส่วนมากมักจะมีอาวุธครบมือ พร้อมที่จะสังหาร หากใครเข้าไปขัดขวางผลประโยชน์ของมัน ก็อาจส่งผลต่อชีวิต แต่มือปราบคนนี้บอกว่า...

ตั้งแต่เข้ามารับหน้าที่ในการปราบยาเสพติด เรื่องของการใช้ชีวิตผมจะระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ส่วนครอบครัวก็จะไม่ให้เข้ามายุ่ง เวลาไปไหนมาไหนก็จะไม่เปิดเผยและไม่ให้ใครรู้ แต่ตอนนี้ลูกชายเป็นตำรวจและมาช่วยงานที่บช.ปส.แล้ว เขาก็จะต้องคอบระวังตัวเอง ส่วนเรื่องการนำกำลังเจ้าหน้าที่ออกไล่ล่าจับกุมแก็งค้ายาเสพติด ปมจะสั่งลูกน้องให้ทำตามขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาข่าวหรือลงพื้นที่ โดยเฉพาะการล่อซื้อต้องดูว่าใครทำหน้าที่อะไร ทุกคนต้องระวังป้องกันตัวเองไม่ว่าคดีเล็กคดีน้อย หากมีการปะทะเราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ด้วย และหากการจับกุมหากจับได้เพื่อที่จะนำตัวมาสอบสวนขยายผลได้ก็ควรทำ ไม่วิสามัญเด็ดขาด

ในปีนี้พล.ต.ท.อติเทพ ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว หลังจากปฏิบัติหน้าที่มาด้วยความอุตสาหะตลอดชีวิตข้าราชการตำรวจ ซึ่ง พล.ต.ท.อติเทพ บอกว่า หลังจากเกษียณไปแล้วก็คงพักผ่อน ส่วนเรื่องการอยู่เบื้องหลังช่วยงานราชการหรือลูกน้องนั้น ปกติแล้วบช.ปส.จะมีประเพณีอย่างหนึ่งคือ อดีตผู้บังคับบัญชาที่เกษียณไปแล้ว จะกลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง จะมีการนัดพบปะกัน 1 ครั้งในรอบ 2-3 เดือน นำประสบการณ์ต่างๆมาแลกเปลี่ยนกัน

ถึงแม้ว่ายาเสพติดจะยังไม่อาจหมดไปจากประเทศไทยได้ แต่อย่างน้อยการปราบปรามอย่างจริงจังของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ช่วยป้องปรามและทำให้นักค้านักเสพได้รับโทษอย่างจริงจัง การปฏิบัติหน้าที่ต่อสู้กับเหล่านักค้ายาเสพติดอย่างดีเยี่ยมของ พล.ต.ท.อติเทพ จันทร์ส่องดาวจึงขอยกย่องและการันตีความเป็นนายตำรวจน้ำดีอีกคนหนึ่งของวงการตำรวจไทย!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น