กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถือเป็นหน่วยงานสำคัญลำดับต้นๆของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะมีภารกิจสำคัญๆระดับชาติแผกแตกต่างไปจากหน่วยงานอื่นๆ ทั้งคดีเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ คดีอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือคดีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่ประชาชนให้ความสนใจ
ภายหลังได้รับความไว้วางใจให้ดูแลกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางสิ่งแรกที่ “เดอะกิ๊ก” พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ทำก็คือรีบเรียกผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งมี 10 กองบังคับการ ประกอบด้วย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)กองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) กองบังคับการตำรวจรถไฟ (บก.รฟ.) กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กองบังคับการปราบปรามกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) ทั้งชั้นสัญญาบัตรและประทวน มาร่วมประชุมในหัวข้อ “ร่างแผนปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง”ทันที โดยเชิญชวน นายไบรรอน ทราเวิร์น เจ้าหน้าที่ซีเครทเซอร์วิส สหรัฐอเมริกา และ นายลีโอนาร์ด ร็อคคา อดีตผู้บัญชาการตำรวจชิคาโก เข้าร่วมด้วย
ต่อมา พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้ดำเนินการคือปรับเปลี่ยนนโยบายจากที่ชั้นประทวนระดับผู้ปฏิบัติต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหมือนหุ่นยนต์ ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน แล้วแต่นายสั่ง เปลี่ยนเป็นปิรามิดหัวกลับ ให้ตำรวจระดับปฏิบัติเสนอแนะการทำงานสะท้อนปัญหาที่แท้จริงออกมา
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าวว่า ได้กำชับให้ตำรวจช่วยกันปรับภาพลักษณ์จากเดิมที่ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้สั่งการให้ลูกน้องไปปฏิบัติ แต่ผู้ปฏิบัติขาดความรู้ความชำนาญ ทำให้งานไม่มีประสิทธิภาพ จำต้องปรับการทำงานร่วมกันใหม่ เริ่มตั้งแต่ชั้นประทวนไปถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง โดยเริ่มจากการสำรวจเชิงคุณภาพว่าใครถนัดงานอะไร และแจกจ่ายงานไปตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยจะเน้นการแก้ไขปัญหาก่อนที่จะเกิดปัญหา โดยมีสื่อมวลชนเป็นตัวสะท้อนการทำงานที่ดีที่สุด
หลังจากนั้นก็มีโครงการ “หยุด..! กลับหลังหัน” และ “เริ่มกันใหม่เพื่อการรับใช้ที่ดีกว่า” โดยนำรวมทั้งข้อความภาษาอังกฤษว่า “New Look New Hope New Cops” ขึ้นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ บริเวณริมทางด่วนพระราม 9 ฝั่งขาเข้า
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าวว่า การขึ้นป้ายโฆษณาดังกล่าวเป็นการย้ำเตือนให้ตำรวจในสังกัดหยุดทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และให้เริ่มต้นหันกลับมารับใช้ประชาชนอย่างจริงจังเพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ สร้างความหวังใหม่ในการเป็นตำรวจยุคใหม่ ตามแนวคิดนโยบายการทำงานที่ตนให้ไว้ อีกทั้งยังเป็นการย้ำถึงจุดยืนในการทำงานของตำรวจสอบสวนกลางที่มีต่อสาธารณะให้ชัดเจนมากขึ้น ส่วนการทำหน้าที่ของตำรวจจะเป็นดังภาพที่ปรากฏหรือไม่นั้นประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบได้จากการทำงานของตำรวจหลังจากนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้แบ่งตำรวจออกเป็น 3 ระดับเพื่อง่ายต่อการจำแนกแยกแยะถึงคุณภาพของเจ้าหน้าที่ โดยระดับที่ 1.เมื่อสั่งไปแล้วก็ทำงานได้ทันที ระดับที่ 2.เฉื่อยชา ไม่สนใจ และ ระดับที่ 3 คือต่อต้าน ไม่ปฏิบัติตามนโยบาย
ระดับที่ 3 พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ให้วิธีแก้ปัญหาว่าต้องเข้าไปพูดคุยปรับปรุงสภาพจิตใจของเขาเพื่อให้พร้อมที่จะเป็นตำรวจอาชีพ ถ้าหากทำไม่ได้หรือ คุยกันไม่รู้เรื่อง ก็จะขอให้ยื่นซองขาวออกไป
นอกจากภาพลักษณ์ในการปรับปรุงบุคลากรแล้ว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ยังได้นำหุ่น “จ่าเฉย” มาปฏิบัติหน้าที่ในสังกัดสอบสวนกลาง ซึ่งมีการนำไปวางไว้ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ถนนสายหลัก หรือแหล่งสุ่มเสี่ยงเกิดอาชญากรรม โดยมีเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ เพื่อ ให้ประชาชนได้ร้องทุกข์หรือแจ้งเบาะแสมาได้ตลอดเวลา
“ผมตรวจสอบแล้วพบว่า “จ่าเฉย” ถูกเก็บเข้ากรุอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวจนถูกถ่ายคลิป หรือถูกร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องส่วย จึงอยากขอให้กลับไปทำหน้าที่เชิงสัญลักษณ์เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมต่อไป” ผบช.ก.กล่าวติดตลก
นอกจากนี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน่วยงานโดยเฉพาะ กองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยก่อนหน้านี้ เดอะกิ๊ก ลงทุนสืบสวนหาข่าว ส่วยตำรวจทางหลวงด้วยตัวเอง หลังได้รับการร้องเรียนประชาชนจำนวนมาก หลังจากนั้นก็นำภาพขณะตำรวจทางหลวงกำลังตั้งด่านรีดไถทรัพย์บนถนนหลวงและบันทึกภาพการตั้งด่านเถื่อน พบว่า มีตำรวจทางหลวงและท้องที่ทั่วประเทศกว่า 100 แห่ง ตั้งด่านเถื่อนในลักษณะซุ่มตามทางแยก พุ่มไม้ และที่กำบังข้างทาง นำมาซึ่งการเปลี่ยนผู้บังคับการตำรวจทางหลวงจาก พล.ต.ต.สมยศ พรหมนิ่ม มาเป็น พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา
ส่วนเทคนิคการสืบสวนสอบสวนแนวใหม่นั้นเขาได้นำวิชาความรู้ที่ได้รับการอบรมมาจากหน่วย เอฟบีไอ.ของสหรัฐอเมริกา มาถ่ายทอดให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น ทฤษฏีหน้าต่างแตก กระจกร้าว ต้นไม้อาชญากรรม พฤติกรรมศาสตร์และที่สำคัญเขาเชื่อมั่นว่า ตำรวจจะทำงานลำบากหากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน เขาจึงตั้งโครงการ “หน้าบ้านปลอดภัย” โดยให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเข้าไปร่วมกับคนในชุมชน ปัดกวาดทำความสะอาดชุมชน ศาสนสถาน โรงเรียน หรือถนน พร้อมทั้งรับฟังปัญหาของชุมชน เพื่อให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถือเป็นการทำงานเชิงรุกด้านมวลชนอย่างเข้มข้น ชนิดที่ไม่เคยมีผู้ บัญชาการสอบสวนกลางคนไหนทำมาก่อน
ผบช.ก. กล่าวว่า เราต้องสร้างพันธมิตรและเครือข่ายการทำงานในทุกระดับ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจการของสถานี ในลักษณะ “อาสาสมัคร”และประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
ส่วนเป้าหมายที่ ผบช.ก.คนนี้ยึดถือให้ การถวายความปลอดภัยแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ อย่างสูงสุด และมีประสิทธิภาพสมพระเกียรติต้องตามพระราชประสงค์และหลีกเหลี่ยงผลกระทบต่อประชาชน
"ประชาชนจะต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเสมอภาค เป็นธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้ และประเทศชาติมีความมั่นคงประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและมีความศรัทธาต่อการปฏิบัติงานของตำรวจ" พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้จะขจัดอาชญากรรมองค์กร ผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด และอาชญากรรมข้ามชาติ และ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีลดลงและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมรวมทั้งประชาชน
ส่วนผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนลดน้อยลงส่งผลให้การใช้จ่ายงบประมาณในภาครัฐเป็นไปอย่างโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
และจากนี้ไปการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เด็ก สตรี และผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านต่าง ๆ ต้องลดน้อยลง สังคมสงบสุข รวมทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และความสะดวกด้านการจราจรและการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามจะให้ข้าราชการตำรวจสอบสวนกลางในทุกระดับ ทั้งในฝ่ายบริหารและฝ่ายปฏิบัติการ มีความรอบรู้และในการปฏิบัติงาน และมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเฉพาะด้าน ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ เช่น อาชญากรรมที่หน่วยงานอื่นทำไม่ได้ ปกป้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน และ อาชญากรรมที่ต่างประเทศให้ความสำคัญ
“ผมลงทุนลงแรงมาตลอดระยะเวลา 26 ปี เพื่อจะบอกกับเพื่อนตำรวจ บอกประชาชนว่า ระบบรักษาความสงบสุขของสังคมไทย รวมทั้งเทคนิคต่างๆจำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากโดยทันที แต่มาถึงวันนี้ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว ส่วนจะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับทุกคนว่าจะช่วยกันหรือไม่” เดอะกิ๊ก กล่าวความในใจหลังนั่งคุมบังเหียนสอบสวนกลางมากว่า 3 เดือน
ส่วนสิ่งที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชานำไปปฏิบัติในปี 2554 นี้คือ ใฝ่ศึกษาหาความรู้และพฤติตนให้ถูกต้อง ตามเกียรติของตำรวจผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน และต้องเป็นตำรวจมืออาชีพ ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน