ตีห้าครึ่งของวันที่ 25 มี.ค.ตำรวจทางหลวง สทล.1 กก.1 ขับรถสายตรวจตระเวณตรวจตราตามปกติไปบนถนนวงแหวนตะวันตก กาญจนาภิเษก มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ จนมาถึงหลกกม.ที่ 64 พื้นที่หมู่ 6 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี พวกเขาพบรถเก๋งโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีเทา ทะเบียน ฌย 1188 กทม.จอดติดเครื่อง เปิดไฟ อยู่ริมถนน แต่ประตูรถด้านคนขับยังเปิดอ้าอยู่ โดยไม่พบเห็นใครยืนอยู่ใกล้รถ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดสังเกต พวกเขาไม่รอช้า จอดรถและลงไปสำรวจในทันที แต่เมื่อลงไปถึงตัวรถ พวดเขาถึงกับตกตะลึง!
สภาพรถถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่กระจกหลัง 1 นัด กระจกหน้า 1 นัด และกระจกประตูด้านซ้าย 1 นัด แต่ภายในรถ พวกเขาพบร่างเด็กชายและเด็กหญิงรวม 3 คน นอนแน่นิ่งอยู่ภายใน ร่างของเด็กทั้ง 3 คน ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง เมื่อตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่า 2 ใน 3 หมดลมหายใจไปแล้ว คงเหลือเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งยังหายใจรวยรินอยู่ ทั้งหมดไม่รอช้า รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลปทุมธานี ซึ่งอยุ่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุดในทันที
ขณะเดียวกัน ตำรวจทางหลวงชุดดังกล่าว ได้วิทยุแจ้งให้ พ.ต.ท.เสนาะ ทาบุญ พนักงานสอบสวน สภ.สามโคก ทราบในเบื้องต้นว่า มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตจำนวนลายรายในบริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อพ.ต.ท.เสนาะไปถึงที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ปทุมธานี พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง.ผบก. พ.ต.อ.วิเชียร รัตติทิวาพาณิชย์ ผกก.สภ.สามโคก พ.ต.ท.ชูเกียรติ อิ่มใจธรรม รอง.ผกก.สส. และพ.ต.ท.พิสิษฐ์ ล้ำเลิศ สว.สส. ก็พบว่า เด็กหญิงที่ตำรวจทางหลวงนำส่งโรงพยาบาล ชื่อด.ญ.รวิสรา หรือน้องออม พันธ์วงศ์ วัย 6 ขวบ ซึ่งถูกยิงเข้าที่แขนซ้าย และไหปลาร้า อาการสาหัส แต่ในที่สุด แพทย์ก็ช่วยชีวิตไว้ได้ในอาการที่ปลอดภัยในภายหลัง
ส่วนเด็กอีก 2 ศพที่เสียชีวิตอยู่ภายในรถ ทราบภายหลังชื่อ ด.ญ.ญานิสา พันธ์วงศ์ หรือน้องออย อายุ 5 ขวบ ถูกจ่อยิงเข้าลำคอทะลุหลัง 1 นัด และด.ช.จิรายุ พันธ์วงศ์ หรือน้องโอม อายุ 3 ขวบ ถูกจ่อยิงเข้ากลางหน้าผาก 1 นัด ทั้งคู่เสียชีวิตในทันทีที่สิ้นเสียงปืน
ตำรวจรู้ว่า เด็กๆทั้งหมด ไม่สามารถที่จะขับรถคันใหญ่มายังที่เกิดเตุได้เอง จึงกระจายกำลังกันค้นหาหลักฐาน และก็เป็นจริงตามคาด เมื่อห่างจากจุดที่พบรถไปประมาณ 13 เมตร ก็พบศพ ร.ต.ท.ราชัน พันธ์วงศ์ อายุ 38 ปี ตำแหน่งพนักงานสอบสวน (สบ 1) สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เสียชีวิตในสภาพคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดคอปก กางเกงยีนส์ อยู่ในพงหญ้าข้างถนน มีบาดแผลถูกจ่อยิงเข้ากลางศีรษะทะลุหน้าผาก มันสมองกระจาย และห่างออกไปอีกราว 30 เมตร ตำรวจยังพบศพนางเนาวรัตน์ พันธ์วงศ์ อายุ 33 ปี ภรรยาร.ต.ท.ราชัน ถูกจ่อยิงเข้าเบ้าตาซ้าย 1 นัด เสียชีวิตทันที่เช่นกัน
ภาพที่ตำรวจเห็น โดยเฉพาะร่างของเด็กๆที่ไร้เดียงสา ย่อมก่อให้เกิดความสะเทือนใจไม่น้อย พวกเขายังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่า เพราะเหตุใด คนร้ายจึงได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ในขณะเดียวกัน ฝ่ายสืบสวน ได้ติดต่อกลับไปยังบ้านของร.ต.ท.ราชัน ผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งนำตัวนางวารีรัตน์ นิ่มมะโน อายุ 45 ปี คนดูแลบ้านมายังที่เกิดเหตุ โดยนางวารีรัตน์บอกว่า เธอเป็นคนดูแลบ้านและเลี้ยงดูเด็กๆทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นลูกของร.ต.ท.ราชันกับนางเนาวรัตน์ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ร.ต.ท. ราชัน กับภรรยาและลูกชายคนเล็กขับรถไปรับลูกสาวทั้ง 2 คนกลับจากบ้านตา-ยายที่จ.ลำปาง กระทั่งเมื่อเย็นวันที่ 24 มี.ค. ร.ต.ท.ราชันโทรศัพท์มาบอกให้คอยเปิดบ้านไว้ เพราะกำลังขับรถกลับใกล้จะถึงแล้ว จึงได้นั่งรออยู่ที่บ้าน แต่ทั้งคู่ก็เงียบหายไป ซึ่งได้พยายามโทรศัพท์กลับไปถาม แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งมีตำรวจไปบอกให้มาที่เกิดเหตุ จึงทราบเรื่องทั้งหมด ซึ่งปกติร.ต.ท.ราชันจะมีทรัพย์สินติดตัวไปด้วย ทั้งสร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเลี่ยมทอง และแหวนทองคำ นาฬิกาโรเล็กซ์ฝังเพชรและปืนพก รวมมูลค่ากว่า 6 แสนบาทติดตัวอยู่ประจำ แต่ตอนมาถึงที่เกิดเหตุ กลับไม่พบทรัพย์สินทั้งหมด
การให้ปากคำของนางวารีรัตน์ ได้เปิดแนวทางการสืบสวนเหตุฆาตกรรมอำมหิตครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะประเด็น"ชิงทรัพย์" แต่ด้วยประสบการณ์งานด้านการสืบสวน หากเป็นประเด็นชิงทรัพย์ ทำไม คนร้ายจึงต้องฆ่าเด็กๆปิดปาก หรือจะเป็นฝีมือจากคนใกล้ชิด และรู้จักมักคุ้นกับครอบครัวผู้ตาย นั่งเป็นโจทย์ที่ฝ่ายสืบสวนต้องตีให้แตก เพื่อลากคอฆาตกรอำมหิตรายนี้มารับอาญาแผ่นดินให้จงได้
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คนร้ายที่ลงมือฆ่าครอบครัวของร.ต.ท.ราชันอย่างโหดร้ายทารุณ แม้แต่เด็กยังไม่เว้น ต้องมีความคับแค้นเป็นอย่างมาก และประเด็นหลักทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากเรื่องชู้สาว แล้วอำพรางคดีด้วยการฆ่าชิงทรัพย์ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลงประเด็น ซึ่งประเด็นเรื่องชู้สาวทราบว่าร.ต.ท.ราชันมีภรรยาน้อยเป็นญาติกับอดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดังคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันร.ต.ท.ราชันเคยถูกข่มขู่มาครั้งหนึ่ง ซึ่งทางชุดทำงานจะได้คลี่คลายต่อไป
ขณะที่พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ปทุมธานีบอกว่า จากการตรวจสอบวัตถุพยาน และพยานบุคคลแล้ว ตำรวจคาดว่าขณะเกิดเหตุน่าจะเป็นช่วงหลัง 4 ทุ่ม ซึ่งคนร้ายน่าจะรู้จักกับครอบครัวผู้ตายเป็นอย่างดี ซึ่งได้ส่งทางชุดสืบสวนจังหวัดเดินทางไปดูเส้นทางที่ผู้ตายได้เดินทางจากลำปางและพะเยาจนมาถึงที่เกิดเหตุ เนื่องจากการตรวจสอบภายในรถอย่างระเอียดพบว่าร.ต.ท.ราชัน และครอบครัวได้แวะซื้อเครื่องดื่มและขนมตามร้านเซเว่นฯ แห่งหนึ่ง ซึ่งจะขอดูกล้องวงจรปิดว่า มีผู้ต้องสงสัยขับรถตามมาจอดใกล้รถของผู้ตายหรือไม่ โดยแนวทางสืบสวนได้ตั้งไว้ 3 ประเด็น 1.เรื่องชิงทรัพย์ 2.เรื่องปัญหาส่วนตัว และ 3.เรื่องชู้สาว หรืออาจจะฆ่าอำพรางคดีเรื่องบางอย่าง ส่วนหลักฐานที่พบภายในรถเป็นปลอกกระสุนปืนออโตเมติกขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ 4 ปลอก และปลอกกระสุนลูกซองเบอร์ 20 ตกอยู่นอกรถ 2 ปลอก สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะมีอาวุธปืน 2 กระบอก คือปืนลูกซองและปืนสั้น 9 ม.ม.
หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญได้เพียงวันเดียว ตำรวจภูธรภาค 1 โดยพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผบช.ภ.1 ร่วมกับตำรวจกองปราบปราม มีพ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ธวัชชัย คำแหงพล รอง ผกก.2 บก.ป.และ พ.ต.ท.สุรพงศ์ ธรรมพิทักษ์ สว.กก.2 บก.ป. ได้วางแนวทางการสืบสวนหาตัวฆาตกรรายนี้ จนในที่สุดก็พบว่า คนร้ายรายนี้ ก็คือ ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179/125 หมู่ 7 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี อดีตตำรวจ สภ.บางบัวทอง ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว ซ้ำยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนายร้อยอบรม และเพื่อนร่วมโรงพักบางบัวทองกับร.ต.ท.ราชัน ผู้ตายมาก่อนด้วย ซึ่งเมื่อมีเบาะแสแน่ชัดว่า ร.ต.ท.มนตรี หนีไปกบดานภายในที่ห้องพักเลขที่ 707 บุษบาบันรีสอร์ท ถนนเลียบคลอง 7 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อเตรียมตัวหลบหนีไปกบดานในจังหวัดมุกดาหารต่อ จึงนำกำลังไปจับกุมไว้ได้ พร้อมของกลาง รถกระบะ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน ปย 4138 กทม.อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 8 นัด อาวุธปืนขนาด 9 มม.1 กระบอก เงินสด 178,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง นาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ แหวนทองฝังเพชร 3 วง กำไรข้อมือ พระเลี่ยมทอง 6 องค์ บัตรเอทีเอ็มอีก 5 ใบ จึงคุมตวมาสอบปากคำ
ร.ต.ท.มนตรี ยอมรับสารภาพว่า ตัวเขาถูกไล่ออกจากราชการแล้ว เนื่องจากต้องโทษในคดีฆ่าผู้อื่นตาย ในท้องที่ จ.กาญจนบุรี และปัจจุบันอยู่ระหว่างหลบหนีการประกันตัวในชั้นศาล ส่วนสาเหตุที่ลงมือยิง ร.ต.ท.ราชัน พร้อมภรรยาและเด็กๆนั้น เนื่องจากโกรธแค้นที่ ร.ต.ท.ราชัน ซึ่งเป็นเพื่อนรักและทำงานด้วยกันมานาน ให้ข้อมูลกับตำรวจในการติดตามจับกุมตน นอกจากนี้ ยังทวงเงินที่ตนยืมมา 3 หมื่นบาท เพื่อใช้ในการหลบหนีคดี ทั้งที่ตนกำลังเดือดร้อนอยู่ โดยนัดหมายให้มาพบกันที่บริเวณจุดเกิดเหตุ
ร.ต.ท.มนตรี ให้การต่อว่า ช่วงก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ ตนได้สอบถามเกี่ยวกับคดีที่ตนถูกตำรวจติดตามจับกุม ว่า ร.ต.ท.ราชัน เป็นคนให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ เนื่องจากมีเพียงผู้เสียชีวิตเท่านั้นที่ทราบรายละเอียดของคดี และความเคลื่อนไหวของตน แต่ผู้เสียชีวิตก็ไม่ยอมบอกอะไร ทำให้ตนยิ่งโกรธแค้น โดยระหว่างที่ผู้เสียชีวิตกำลังเดินกลับไปขึ้นรถ จึงเกิดบันดาลโทสะ คว้าอาวุธปืนออกมาจ่อยิง เป็นจังหวะที่ภรรยาผู้เสียชีวิตเห็นเหตุการณ์ และเปิดประตูรถเพื่อวิ่งหนี จึงตามไปยิงตายอีกศพ ส่วนลูกๆ ของผู้เสียชีวิตตนจำเป็นต้องฆ่า เพื่อปิดปาก เพราะทั้งหมดจำหน้าตนได้ เมื่อเห็นว่า ทั้งหมดเสียชีวิตแล้วจึงหยิบเอาทรัพย์สินต่างๆ ภายในรถของผู้เสียชีวิตไปด้วย ก่อนจะหลบหนีกระทั่งมาถูกจับกุมตัวในที่สุด
"เอาเป็นว่าทุกคนไม่ต้องถามอะไรมาก เพราะทุกอย่างผมคุยกับตำรวจแล้ว วันนั้น ผมเป็นตำรวจ ส่วนวันนี้ ผมเป็นโจรก็เป็นโจร ผมขอพูดแค่คำเดียวว่า คนเป็นเพื่อนกันต้องมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่หักหลังกัน ไม่ใช่วันนี้เป็นตำรวจ พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คนเราจบกันเพียงแค่ตาย ขออย่างเดียวถ้าไม่หักหลัง ผมก็ไม่ทำแค่นั้นเอง ผมอยากฝากขอโทษที่ทำเช่นนี้ โดยเฉพาะภรรยาและลูกของ ร.ต.ท.ราชัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ผมจำเป็นต้องทำ ส่วนเรื่องทั้งหมดจะไม่ขอพูดอีกแล้วจะขอเก็บไว้ในใจคนเดียว"ร.ต.ท.มนตรีให้การ
คำให้การของร.ต.ท.มนตรี ตำรวจชุดจับกุมยังไม่ปักใจเชื่อมากนัก และอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลในประเด็นอื่นๆ เนื่องจากคำให้การของร.ต.ท.มนตรี ยังขัดแย้งกับข้อมูลตามแนวทางการสืบสวนอีกหลายอย่าง ซึ่งจะต้องขุดคุ้ยหาข้อเท็จจริงกันต่อไป
คำขอโทษของร.ต.ท.มนตรี ที่มีต่อครอบครัว "พันธ์วงศ์" จะช่วยบรรเทาเยียวยาอะไรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อด.ญ.รวิสรา หรือน้องออม พันธ์วงศ์ วัย 6 ขวบ ที่รอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว ทั้งที่ร.ต.ท.มนตรี มีเจตนา"ฆ่าล้างครัว"ไม่ให้เหลือ ซึ่งคงต้องรอคำพิพากษาจากศาลสถิตย์ยุติธรรมเพียงอย่างเดียว ที่จะสามารถลงอาญาแผ่นดินกับร.ต.ท.มนตรีได้อย่างสาสมกับความโหดเหี้ยมอำมหิตในครั้งนี้ได้
สภาพรถถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่กระจกหลัง 1 นัด กระจกหน้า 1 นัด และกระจกประตูด้านซ้าย 1 นัด แต่ภายในรถ พวกเขาพบร่างเด็กชายและเด็กหญิงรวม 3 คน นอนแน่นิ่งอยู่ภายใน ร่างของเด็กทั้ง 3 คน ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง เมื่อตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่า 2 ใน 3 หมดลมหายใจไปแล้ว คงเหลือเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งยังหายใจรวยรินอยู่ ทั้งหมดไม่รอช้า รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลปทุมธานี ซึ่งอยุ่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุดในทันที
ขณะเดียวกัน ตำรวจทางหลวงชุดดังกล่าว ได้วิทยุแจ้งให้ พ.ต.ท.เสนาะ ทาบุญ พนักงานสอบสวน สภ.สามโคก ทราบในเบื้องต้นว่า มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตจำนวนลายรายในบริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อพ.ต.ท.เสนาะไปถึงที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ปทุมธานี พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง.ผบก. พ.ต.อ.วิเชียร รัตติทิวาพาณิชย์ ผกก.สภ.สามโคก พ.ต.ท.ชูเกียรติ อิ่มใจธรรม รอง.ผกก.สส. และพ.ต.ท.พิสิษฐ์ ล้ำเลิศ สว.สส. ก็พบว่า เด็กหญิงที่ตำรวจทางหลวงนำส่งโรงพยาบาล ชื่อด.ญ.รวิสรา หรือน้องออม พันธ์วงศ์ วัย 6 ขวบ ซึ่งถูกยิงเข้าที่แขนซ้าย และไหปลาร้า อาการสาหัส แต่ในที่สุด แพทย์ก็ช่วยชีวิตไว้ได้ในอาการที่ปลอดภัยในภายหลัง
ส่วนเด็กอีก 2 ศพที่เสียชีวิตอยู่ภายในรถ ทราบภายหลังชื่อ ด.ญ.ญานิสา พันธ์วงศ์ หรือน้องออย อายุ 5 ขวบ ถูกจ่อยิงเข้าลำคอทะลุหลัง 1 นัด และด.ช.จิรายุ พันธ์วงศ์ หรือน้องโอม อายุ 3 ขวบ ถูกจ่อยิงเข้ากลางหน้าผาก 1 นัด ทั้งคู่เสียชีวิตในทันทีที่สิ้นเสียงปืน
ตำรวจรู้ว่า เด็กๆทั้งหมด ไม่สามารถที่จะขับรถคันใหญ่มายังที่เกิดเตุได้เอง จึงกระจายกำลังกันค้นหาหลักฐาน และก็เป็นจริงตามคาด เมื่อห่างจากจุดที่พบรถไปประมาณ 13 เมตร ก็พบศพ ร.ต.ท.ราชัน พันธ์วงศ์ อายุ 38 ปี ตำแหน่งพนักงานสอบสวน (สบ 1) สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เสียชีวิตในสภาพคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดคอปก กางเกงยีนส์ อยู่ในพงหญ้าข้างถนน มีบาดแผลถูกจ่อยิงเข้ากลางศีรษะทะลุหน้าผาก มันสมองกระจาย และห่างออกไปอีกราว 30 เมตร ตำรวจยังพบศพนางเนาวรัตน์ พันธ์วงศ์ อายุ 33 ปี ภรรยาร.ต.ท.ราชัน ถูกจ่อยิงเข้าเบ้าตาซ้าย 1 นัด เสียชีวิตทันที่เช่นกัน
ภาพที่ตำรวจเห็น โดยเฉพาะร่างของเด็กๆที่ไร้เดียงสา ย่อมก่อให้เกิดความสะเทือนใจไม่น้อย พวกเขายังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่า เพราะเหตุใด คนร้ายจึงได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ในขณะเดียวกัน ฝ่ายสืบสวน ได้ติดต่อกลับไปยังบ้านของร.ต.ท.ราชัน ผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งนำตัวนางวารีรัตน์ นิ่มมะโน อายุ 45 ปี คนดูแลบ้านมายังที่เกิดเหตุ โดยนางวารีรัตน์บอกว่า เธอเป็นคนดูแลบ้านและเลี้ยงดูเด็กๆทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นลูกของร.ต.ท.ราชันกับนางเนาวรัตน์ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ร.ต.ท. ราชัน กับภรรยาและลูกชายคนเล็กขับรถไปรับลูกสาวทั้ง 2 คนกลับจากบ้านตา-ยายที่จ.ลำปาง กระทั่งเมื่อเย็นวันที่ 24 มี.ค. ร.ต.ท.ราชันโทรศัพท์มาบอกให้คอยเปิดบ้านไว้ เพราะกำลังขับรถกลับใกล้จะถึงแล้ว จึงได้นั่งรออยู่ที่บ้าน แต่ทั้งคู่ก็เงียบหายไป ซึ่งได้พยายามโทรศัพท์กลับไปถาม แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งมีตำรวจไปบอกให้มาที่เกิดเหตุ จึงทราบเรื่องทั้งหมด ซึ่งปกติร.ต.ท.ราชันจะมีทรัพย์สินติดตัวไปด้วย ทั้งสร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเลี่ยมทอง และแหวนทองคำ นาฬิกาโรเล็กซ์ฝังเพชรและปืนพก รวมมูลค่ากว่า 6 แสนบาทติดตัวอยู่ประจำ แต่ตอนมาถึงที่เกิดเหตุ กลับไม่พบทรัพย์สินทั้งหมด
การให้ปากคำของนางวารีรัตน์ ได้เปิดแนวทางการสืบสวนเหตุฆาตกรรมอำมหิตครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะประเด็น"ชิงทรัพย์" แต่ด้วยประสบการณ์งานด้านการสืบสวน หากเป็นประเด็นชิงทรัพย์ ทำไม คนร้ายจึงต้องฆ่าเด็กๆปิดปาก หรือจะเป็นฝีมือจากคนใกล้ชิด และรู้จักมักคุ้นกับครอบครัวผู้ตาย นั่งเป็นโจทย์ที่ฝ่ายสืบสวนต้องตีให้แตก เพื่อลากคอฆาตกรอำมหิตรายนี้มารับอาญาแผ่นดินให้จงได้
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คนร้ายที่ลงมือฆ่าครอบครัวของร.ต.ท.ราชันอย่างโหดร้ายทารุณ แม้แต่เด็กยังไม่เว้น ต้องมีความคับแค้นเป็นอย่างมาก และประเด็นหลักทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากเรื่องชู้สาว แล้วอำพรางคดีด้วยการฆ่าชิงทรัพย์ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลงประเด็น ซึ่งประเด็นเรื่องชู้สาวทราบว่าร.ต.ท.ราชันมีภรรยาน้อยเป็นญาติกับอดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดังคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันร.ต.ท.ราชันเคยถูกข่มขู่มาครั้งหนึ่ง ซึ่งทางชุดทำงานจะได้คลี่คลายต่อไป
ขณะที่พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ปทุมธานีบอกว่า จากการตรวจสอบวัตถุพยาน และพยานบุคคลแล้ว ตำรวจคาดว่าขณะเกิดเหตุน่าจะเป็นช่วงหลัง 4 ทุ่ม ซึ่งคนร้ายน่าจะรู้จักกับครอบครัวผู้ตายเป็นอย่างดี ซึ่งได้ส่งทางชุดสืบสวนจังหวัดเดินทางไปดูเส้นทางที่ผู้ตายได้เดินทางจากลำปางและพะเยาจนมาถึงที่เกิดเหตุ เนื่องจากการตรวจสอบภายในรถอย่างระเอียดพบว่าร.ต.ท.ราชัน และครอบครัวได้แวะซื้อเครื่องดื่มและขนมตามร้านเซเว่นฯ แห่งหนึ่ง ซึ่งจะขอดูกล้องวงจรปิดว่า มีผู้ต้องสงสัยขับรถตามมาจอดใกล้รถของผู้ตายหรือไม่ โดยแนวทางสืบสวนได้ตั้งไว้ 3 ประเด็น 1.เรื่องชิงทรัพย์ 2.เรื่องปัญหาส่วนตัว และ 3.เรื่องชู้สาว หรืออาจจะฆ่าอำพรางคดีเรื่องบางอย่าง ส่วนหลักฐานที่พบภายในรถเป็นปลอกกระสุนปืนออโตเมติกขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ 4 ปลอก และปลอกกระสุนลูกซองเบอร์ 20 ตกอยู่นอกรถ 2 ปลอก สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะมีอาวุธปืน 2 กระบอก คือปืนลูกซองและปืนสั้น 9 ม.ม.
หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญได้เพียงวันเดียว ตำรวจภูธรภาค 1 โดยพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผบช.ภ.1 ร่วมกับตำรวจกองปราบปราม มีพ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ธวัชชัย คำแหงพล รอง ผกก.2 บก.ป.และ พ.ต.ท.สุรพงศ์ ธรรมพิทักษ์ สว.กก.2 บก.ป. ได้วางแนวทางการสืบสวนหาตัวฆาตกรรายนี้ จนในที่สุดก็พบว่า คนร้ายรายนี้ ก็คือ ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179/125 หมู่ 7 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี อดีตตำรวจ สภ.บางบัวทอง ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว ซ้ำยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนายร้อยอบรม และเพื่อนร่วมโรงพักบางบัวทองกับร.ต.ท.ราชัน ผู้ตายมาก่อนด้วย ซึ่งเมื่อมีเบาะแสแน่ชัดว่า ร.ต.ท.มนตรี หนีไปกบดานภายในที่ห้องพักเลขที่ 707 บุษบาบันรีสอร์ท ถนนเลียบคลอง 7 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อเตรียมตัวหลบหนีไปกบดานในจังหวัดมุกดาหารต่อ จึงนำกำลังไปจับกุมไว้ได้ พร้อมของกลาง รถกระบะ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน ปย 4138 กทม.อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 8 นัด อาวุธปืนขนาด 9 มม.1 กระบอก เงินสด 178,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง นาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ แหวนทองฝังเพชร 3 วง กำไรข้อมือ พระเลี่ยมทอง 6 องค์ บัตรเอทีเอ็มอีก 5 ใบ จึงคุมตวมาสอบปากคำ
ร.ต.ท.มนตรี ยอมรับสารภาพว่า ตัวเขาถูกไล่ออกจากราชการแล้ว เนื่องจากต้องโทษในคดีฆ่าผู้อื่นตาย ในท้องที่ จ.กาญจนบุรี และปัจจุบันอยู่ระหว่างหลบหนีการประกันตัวในชั้นศาล ส่วนสาเหตุที่ลงมือยิง ร.ต.ท.ราชัน พร้อมภรรยาและเด็กๆนั้น เนื่องจากโกรธแค้นที่ ร.ต.ท.ราชัน ซึ่งเป็นเพื่อนรักและทำงานด้วยกันมานาน ให้ข้อมูลกับตำรวจในการติดตามจับกุมตน นอกจากนี้ ยังทวงเงินที่ตนยืมมา 3 หมื่นบาท เพื่อใช้ในการหลบหนีคดี ทั้งที่ตนกำลังเดือดร้อนอยู่ โดยนัดหมายให้มาพบกันที่บริเวณจุดเกิดเหตุ
ร.ต.ท.มนตรี ให้การต่อว่า ช่วงก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ ตนได้สอบถามเกี่ยวกับคดีที่ตนถูกตำรวจติดตามจับกุม ว่า ร.ต.ท.ราชัน เป็นคนให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ เนื่องจากมีเพียงผู้เสียชีวิตเท่านั้นที่ทราบรายละเอียดของคดี และความเคลื่อนไหวของตน แต่ผู้เสียชีวิตก็ไม่ยอมบอกอะไร ทำให้ตนยิ่งโกรธแค้น โดยระหว่างที่ผู้เสียชีวิตกำลังเดินกลับไปขึ้นรถ จึงเกิดบันดาลโทสะ คว้าอาวุธปืนออกมาจ่อยิง เป็นจังหวะที่ภรรยาผู้เสียชีวิตเห็นเหตุการณ์ และเปิดประตูรถเพื่อวิ่งหนี จึงตามไปยิงตายอีกศพ ส่วนลูกๆ ของผู้เสียชีวิตตนจำเป็นต้องฆ่า เพื่อปิดปาก เพราะทั้งหมดจำหน้าตนได้ เมื่อเห็นว่า ทั้งหมดเสียชีวิตแล้วจึงหยิบเอาทรัพย์สินต่างๆ ภายในรถของผู้เสียชีวิตไปด้วย ก่อนจะหลบหนีกระทั่งมาถูกจับกุมตัวในที่สุด
"เอาเป็นว่าทุกคนไม่ต้องถามอะไรมาก เพราะทุกอย่างผมคุยกับตำรวจแล้ว วันนั้น ผมเป็นตำรวจ ส่วนวันนี้ ผมเป็นโจรก็เป็นโจร ผมขอพูดแค่คำเดียวว่า คนเป็นเพื่อนกันต้องมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่หักหลังกัน ไม่ใช่วันนี้เป็นตำรวจ พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คนเราจบกันเพียงแค่ตาย ขออย่างเดียวถ้าไม่หักหลัง ผมก็ไม่ทำแค่นั้นเอง ผมอยากฝากขอโทษที่ทำเช่นนี้ โดยเฉพาะภรรยาและลูกของ ร.ต.ท.ราชัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ผมจำเป็นต้องทำ ส่วนเรื่องทั้งหมดจะไม่ขอพูดอีกแล้วจะขอเก็บไว้ในใจคนเดียว"ร.ต.ท.มนตรีให้การ
คำให้การของร.ต.ท.มนตรี ตำรวจชุดจับกุมยังไม่ปักใจเชื่อมากนัก และอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลในประเด็นอื่นๆ เนื่องจากคำให้การของร.ต.ท.มนตรี ยังขัดแย้งกับข้อมูลตามแนวทางการสืบสวนอีกหลายอย่าง ซึ่งจะต้องขุดคุ้ยหาข้อเท็จจริงกันต่อไป
คำขอโทษของร.ต.ท.มนตรี ที่มีต่อครอบครัว "พันธ์วงศ์" จะช่วยบรรเทาเยียวยาอะไรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อด.ญ.รวิสรา หรือน้องออม พันธ์วงศ์ วัย 6 ขวบ ที่รอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว ทั้งที่ร.ต.ท.มนตรี มีเจตนา"ฆ่าล้างครัว"ไม่ให้เหลือ ซึ่งคงต้องรอคำพิพากษาจากศาลสถิตย์ยุติธรรมเพียงอย่างเดียว ที่จะสามารถลงอาญาแผ่นดินกับร.ต.ท.มนตรีได้อย่างสาสมกับความโหดเหี้ยมอำมหิตในครั้งนี้ได้