การประกาศชัดของแกนนำเสื้อแดง “วีระ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” 3 หัวโจกที่เคยสร้างความเสียหายต่อบ้านเมืองเมื่อช่วงสงกรานต์เลือด เดือนเมษายน ปีที่แล้ว จะกลับมาอีกครั้งหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษายึดทรัพย์ “นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีที่โกงชาติ นำมาคืนแผ่นดินได้เพียง 4.6 หมื่นล้านบาท โดยครั้งนี้ ลิ่วล้อทักษิณ ได้เกณฑ์ระดมพลจากทั่วทุกสารทิศ อัดฉีดจ่ายไม่อั้นกับการมาสร้างความฉิบหายต่อประเทศชาติให้บอบซ้ำมากขึ้น
สัญญานอันตราย 12-14 มี.ค. แก๊ง “ปลวกแดง” ป่วนเมือง ส่อเกิดความรุนแรง ภายหลังจากที่ แกนนำได้ปลุกปั่นสาวกเสื้อแดงให้ออกมาเคลื่อนไหวใหญ่ ซึ่งเมื่อนับถอยหลัง 7 วัน ถึงวันที่ 12 มี.ค. ทุกฝ่ายต้องเฝ้าจับตามอง การเคลื่อนไหว และคอยติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และต้องหนักแน่น ไม่หลงเชื่อข่าวลือในสถานการณ์ล่อแหลมต่าง ๆ อย่างง่ายดาย
เริ่มส่อเค้าตั้งแต่ วันที่ 6 มี.ค. เวลา 12.00 น. ตำรวจกองปราบฯ จับกุม “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือที่ “พ่อแม้ว” เรียกใช้ทาสผู้นี้สั้น ๆ ว่า “เสธ.แดง” พร้อมด้วยสมุนมือขวา “พรวัฒน์ ทองธนบูรณ์” หรือ เคทอง และลูกน้องคนสนิทของ “เสธ.แดง” รวม 8คน พร้อมทั้งยึดอาวุธปืน กระสุนจำนวนมากในรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียนกงจักร 2481 ขณะที่ “เสธ.แดง” เดินทางเข้าสอบถามความคืบหน้าคดีของ “เคทอง” ที่กองปราบปราม
วันที่ 7 มี.ค. เวลา 14.30 น. ที่ กองปราบปราม “วัชระ เพชรทอง” ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เอนก เตาสุภาพ พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ “เสธ.แดง” ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และ “เคทอง” ที่กล่าวข่มขู่ผ่านเว็บไซต์ www.saedang.com
วันที่ 7 มี.ค. เวลา 18.00 น. นครบาลแถลงจับ 2 ผู้ต้องหา "น้า-หลาน" คือนายเอกชัย มูลเกษ อายุ 21 ปี และนายไสว ยางสันเทียะ อายุ 42 ปี ทีมก่อเหตุปาระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 08.00 น. กำลังตำรวจคอมมานโด 100 นาย ควบคุมตัว “เสธ.แดง- เคทอง” และพวก รวม 8 คน มาขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขังผลัดแรก 12 วัน ในข้อหาหนักมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ส่วน “พรวัฒน์ ทองธนบูรณ์” หรือ เคทอง ถูกแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และข้อหายุยงปลุกปั่น ให้ประชาชนเกิดความตื่นกลัว
ในวันเดียวกัน เวลา 17.30 น. “เสธ.แดง” กับพวกอีก 6 คน ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ตามที่ “ณฤเมธ ภูพวงจันทร์” นายประกันได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน จ.นครนายก และ จ.นครปฐม ประมาณ 3 ไร่เศษ ราคาประเมิน 1,875,900 บาท ขอประกันตัว เสธ.แดง กับพวก
ส่วน “พรวัฒน์ ทองธนบูรณ์” หรือ เคทอง ศาลเห็นว่า มีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นการก่อการร้าย หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว อาจไปกระทำผิดซ้ำอีก จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว และถูกควบคุมตัวไปขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ควบคุมตัว นายเอกชัย มูลเกษ นายไสว ยางสันเทียะ ผู้ต้องหาปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก คัดค้านประกัน เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง เกรงหลบหนีและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 13.20 น. “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” รมว.มหาดไทย ประกาศชัดในการเข้มงวดห้ามรถอีแต๋นเพ่นพ่านเข้ากรุง ถ้ายังดื้อฝ่าฝืน เจอ “จับ-ปรับ-ยึดรถ" แน่นอน
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 13.30 น. "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) เผย คตม.มีมติเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบางอำเภอ ในจังหวัดปทุมธานี ,อยุธยา และสมุทรปราการ ในช่วงวันที่ 11-23 มี.ค.นี้ เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง
วันเดียวกัน เวลา 14.11 น. ที่ประชุม คตม. มีมติให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จัดทีมเจรจาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ขออย่าให้นำรถอีแต๋นเข้ามาภายในกรุงเทพมหานคร แต่ขอให้เดินทางมาโดยรถสาธารณะ
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 15.20 น. “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจงดเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 13-17 มี.ค. หลังคณะกรรม การคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) เสนอ ครม.ใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ คุมแก๊งเสื้อแดงป่วนเมือง
วันที่ 9 มี.ค. เวลา 10.00 น. “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ยัน สถานการณ์ไม่ถึงขั้นประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แค่ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็เอาอยู่
วันที่ 9 มี.ค. เวลา 12.00 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และให้ภาคประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อการบิดเบือนข่าวสาร และต่อต้านหยุดยั้งเหตุ
วันที่ 9 มี.ค. เวลา 16.30 น. ครม.อนุมัติใช้ กม.มั่นคง ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล รวม 7 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี นครปฐม ฉะเชิงเทรา อยุธยา ปทุมธานี สมุทรปราการ และ สมุทรสาคร เพื่อใช้ควบคุมดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงถ่อย 13 วันรวด ระหว่าง 11 -23 มี.ค.
วันที่ 9 มี.ค. เวลา 21.00 น. มีข่าวลือนายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) น.ส.พินทองทา ชินวัตร (เอม) และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) บุตรชายและบุตรสาวของ “ทักษิณ” เตรียมเผ่นออกนอกประเทศในวันที่ 10 มี.ค. ก่อนปฏิบัติการ “แดงนรก” ถล่มเมือง พีอาร์ “ฮาวคัม” ยอมรับไปร่วมงานไอทีวีเบอร์ลิน 2010 ที่เยอรมนี โดยสายการบินสวิสแอร์ไลน์
วันที่ 10 มี.ค. เวลา 11.00 น. "เทพเทือก" ถก ศอ.รส.กำหนดแผนรับมือม็อบแดงป่วนเมือง ยอมรับลูกเมีย “นช.แม้ว” เผ่นไปนอกส่งสัญญาณอันตราย พบจ้องบึ้มสถานที่ราชการสำคัญ พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ปูพรมตรวจค้นอาวุธป้องกันเหตุร้าย
วันที่ 10 มี.ค. เวลา 12.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทวีตบรรดาลูก ๆ บินไปเยอรมันเพื่อดูนิทรรศการเรื่องโรงแรม อ้างได้จองกันไว้ล่วงหน้านานแล้ว ซึ่งหลังเสร็จงานจะมาเยี่ยมตนเอง เนื่องจากไม่ได้พบกันนาน
วันที่ 10 มี.ค. เวลา 17.30 น. มีรายงานข่าวว่า คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร หรือ คุณหญิงอ้อ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) จะเดินทางไปฮ่องกง หลังศาลฎีกา ได้มีหนังสือถึง ผบช.สตม. โดยระบุว่า คดีที่คุณหญิงพจมาน ตกเป็นจำเลยในคดีของศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น บัดนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอให้ถอนรายชื่อคุณหญิงพจมาน ออกจากรายชื่อบุคคลต้องห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
วันที่ 10 มี.ค. เวลา 18.00 น. ขบวนรถ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะสื่อมวลชนถูกรถตู้หมายเลขทะเบียน ฮจ 1056 กทม. วิ่งประกบและได้ขับแทรกเข้ามาในขบวนระหว่างรถของทีมรักษาความปลอดภัยนายกฯ กับขบวนรถผู้สื่อข่าว แต่ถูกเบียนออกไป ซึ่งรถตู้คนเดิมยังวนเวียนพยายามแทรกอีกรอบแต่ทำไม่สำเร็จ โดยจากการตรวจสอบพบรถลึกลับมีไฟเลนอยู่ด้านหน้าและใช้วิทยุสื่อสารตลอด แต่สุดท้าย หลังการตรวจสอบ รถตู้เป็นของรองผู้ว่า กทม.
วันที่ 11 มี.ค. บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันแรก หลังรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีทหารจำนวน 300 นาย จากกองบัญชาการรบพิเศษ จ.ลพบุรี เข้าไปเตรียมพร้อมอาวุธ เครื่องกีดขวาง ที่จะนำไปใช้ในการสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม และได้จัดกำลังเข้าประจำตามจุดต่าง ๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยโดยรอบทำเนียบรัฐบาล รวม 4 จุด จุดละ 5-7 นาย ที่บริเวณแยกสวนมิสักวัน แยกสะพานมัฆวานฯ แยกเทวกรรมตลาดนางเลิ้ง และด้านหน้าพณิชยการพระนคร
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อขอความอนุเคราะห์ดูแลรักษาความปลอดภัย บ้านพระอาทิตย์ และบ้านเจ้าพระยา หวั่นเสื้อแดงชุมนุม ก่อเหตุร้าย ขณะที่ "วิชัย สังข์ประไพ" จัดกำลังตำรวจท้องที่ และกำลังปจ.ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งให้นำรถประชาสัมพันธ์ รถเครื่องขยายเสียง รถตู้ขนกำลังพล รถน้ำดับเพลิงขนาดใหญ่ และรถเคลื่อนปั่นไฟมาสำรองไว้ หากผู้ชุมนุมปิดล้อมตัดน้ำตัดไฟปิดล้อมหน้า บช.น. มาจอดเรียงรายไว้พร้อมใช้งาน โดยเคลียร์พื้นที่จอดรถให้เป็นที่จอดรถขนอุปกรณ์ในการป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และใช้พื้นที่ขนส่งเสบียงอาหารข้าวกล่อง และน้ำดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดการก่อม็อบเสื้อแดงจะเสร็จสิ้น
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ส่งพนักงานสอบสวน 150 นาย ดาวกระจายครอบคลุมพื้นที่เสื้อแดงชุมนุม 24 ชั่วโมง เน้นบันทึกภาพ-เสียง คำปราศรัยยุยง ปลุกปั่นให้ประชาชนใช้ความรุนแรง ชี้ ถ้ามีวิดีโอลิ้งค์จากต่างประเทศ ต้องเก็บเป็นหลักฐาน และส่งรายงานให้ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าแต่ละ บก.น. ทุก 2 ชม. ขู่ใครพูดฝ่าฝืนกฎหมายจะออกหมายจับทันที
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 14.30 น. นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า มีความห่วงใยต่อการเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ที่จะนำบ้านเมืองไปสู่วิกฤตอีกครั้ง มีการส่งสัญญาณว่าจะนำไปสู่การเตรียมการวินาศกรรม นำไปสู่การเผชิญหน้าของคนไทย สนับสนุนให้คนทำผิด ปลุกระดมผ่านเครือข่ายวิทยุขุมชุม ส่งสัญญาณถึงการลอบวางเพลิง โดย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ประกาศว่าน้ำมัน 1 ล้านลิตร จะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นทะเลเพลิง ส่งเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณโดยตรงที่ต้องการสร้างการจลาจล หลังวันที่ 12 มี.ค. คือ ระหว่างวันที่ 13-14 มี.ค. มีความเปราะบาง อาจจะมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ มีแนวโน้มที่จะมีการสร้างสถานการณ์จากคน 5 กลุ่ม ซึ่งเป็นเครือข่ายคนมีสีและเป็นอดีตคนมีสี โดยมีเป้าหมายก่อเหตุยั่วยุให้ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 16.30 น. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.บช.น. ฐานะโฆษกบช.น. เผยได้เตรียมกำลังตำรวจ 10,000 นาย และกำลังทหาร 30,000 นาย ดูและพื้นที่กทม.ทั้งหมด รวมถึงปริมณฑล รับมือม็อบแดง วันที่ 12 มี.ค. นี้
วันที่ 12 มี.ค. เวลา 09.00 น. "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เผยหลังจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมา 24 ชั่วโมง เหตุการณ์ยังคงปกติ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะมีการเคลื่อนไหวภายในวันนี้ (12 มี.ค.) โดยรัฐบาลยืนยันจะดูแลสถานการณ์และประชาชนให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติ และให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า จะไม่เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง แนะประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก เพราะเป้าหมายของกลุ่มผู้ชุมนุมคือ สถานที่ราชการไม่ใช่บ้านเรือนของประชาชน
ความคุกรุ่นในกระแสของความรุนแรงจาก “ม็อบแดงนรก” ที่นัดดีเดย์ วันที่ 12 มี.ค. เวลาเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจและกองกำลังทหารจากทุกฝ่ายได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์กันอย่างเต็มที่ ซึ่งเสื้อแดงเปิดหน้าไพ่เอาประเทศเป็นเดิมพัน กับการแสดงถึงความซื่อสัตย์ รักภักดี และชำระแค้น ให้ “พ่อแม้ว” จะสามารถล้มกระดานช่วยให้ “นักโทษชายหนีคดี และยังถูกยึดทรัพย์จากที่โกงชาติไปกลับคืนแผ่นดินได้เพียง 4.6 หมื่นล้าน ได้หรือไม่ ความแรงกระเพื่อมรอเวลาปะทุกับความบ้าเลือดที่จะออกมาสร้างความหายนะต่อประเทศได้มากน้อยแค่ไหน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ฐานะนายกรัฐมนตรีจะรับมือไหวหรือไม่ ด้านความมั่นคงต่าง ๆ จะปกป้องประเทศไม่ให้คนไทยด้วยกันมารุกรานได้หรือไม่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดนาทีต่อนาที!!!
สัญญานอันตราย 12-14 มี.ค. แก๊ง “ปลวกแดง” ป่วนเมือง ส่อเกิดความรุนแรง ภายหลังจากที่ แกนนำได้ปลุกปั่นสาวกเสื้อแดงให้ออกมาเคลื่อนไหวใหญ่ ซึ่งเมื่อนับถอยหลัง 7 วัน ถึงวันที่ 12 มี.ค. ทุกฝ่ายต้องเฝ้าจับตามอง การเคลื่อนไหว และคอยติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และต้องหนักแน่น ไม่หลงเชื่อข่าวลือในสถานการณ์ล่อแหลมต่าง ๆ อย่างง่ายดาย
เริ่มส่อเค้าตั้งแต่ วันที่ 6 มี.ค. เวลา 12.00 น. ตำรวจกองปราบฯ จับกุม “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือที่ “พ่อแม้ว” เรียกใช้ทาสผู้นี้สั้น ๆ ว่า “เสธ.แดง” พร้อมด้วยสมุนมือขวา “พรวัฒน์ ทองธนบูรณ์” หรือ เคทอง และลูกน้องคนสนิทของ “เสธ.แดง” รวม 8คน พร้อมทั้งยึดอาวุธปืน กระสุนจำนวนมากในรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียนกงจักร 2481 ขณะที่ “เสธ.แดง” เดินทางเข้าสอบถามความคืบหน้าคดีของ “เคทอง” ที่กองปราบปราม
วันที่ 7 มี.ค. เวลา 14.30 น. ที่ กองปราบปราม “วัชระ เพชรทอง” ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เอนก เตาสุภาพ พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ “เสธ.แดง” ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และ “เคทอง” ที่กล่าวข่มขู่ผ่านเว็บไซต์ www.saedang.com
วันที่ 7 มี.ค. เวลา 18.00 น. นครบาลแถลงจับ 2 ผู้ต้องหา "น้า-หลาน" คือนายเอกชัย มูลเกษ อายุ 21 ปี และนายไสว ยางสันเทียะ อายุ 42 ปี ทีมก่อเหตุปาระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 08.00 น. กำลังตำรวจคอมมานโด 100 นาย ควบคุมตัว “เสธ.แดง- เคทอง” และพวก รวม 8 คน มาขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขังผลัดแรก 12 วัน ในข้อหาหนักมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ส่วน “พรวัฒน์ ทองธนบูรณ์” หรือ เคทอง ถูกแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และข้อหายุยงปลุกปั่น ให้ประชาชนเกิดความตื่นกลัว
ในวันเดียวกัน เวลา 17.30 น. “เสธ.แดง” กับพวกอีก 6 คน ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ตามที่ “ณฤเมธ ภูพวงจันทร์” นายประกันได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน จ.นครนายก และ จ.นครปฐม ประมาณ 3 ไร่เศษ ราคาประเมิน 1,875,900 บาท ขอประกันตัว เสธ.แดง กับพวก
ส่วน “พรวัฒน์ ทองธนบูรณ์” หรือ เคทอง ศาลเห็นว่า มีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นการก่อการร้าย หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว อาจไปกระทำผิดซ้ำอีก จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว และถูกควบคุมตัวไปขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ควบคุมตัว นายเอกชัย มูลเกษ นายไสว ยางสันเทียะ ผู้ต้องหาปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก คัดค้านประกัน เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง เกรงหลบหนีและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 13.20 น. “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” รมว.มหาดไทย ประกาศชัดในการเข้มงวดห้ามรถอีแต๋นเพ่นพ่านเข้ากรุง ถ้ายังดื้อฝ่าฝืน เจอ “จับ-ปรับ-ยึดรถ" แน่นอน
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 13.30 น. "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) เผย คตม.มีมติเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบางอำเภอ ในจังหวัดปทุมธานี ,อยุธยา และสมุทรปราการ ในช่วงวันที่ 11-23 มี.ค.นี้ เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง
วันเดียวกัน เวลา 14.11 น. ที่ประชุม คตม. มีมติให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จัดทีมเจรจาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ขออย่าให้นำรถอีแต๋นเข้ามาภายในกรุงเทพมหานคร แต่ขอให้เดินทางมาโดยรถสาธารณะ
วันที่ 8 มี.ค. เวลา 15.20 น. “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจงดเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 13-17 มี.ค. หลังคณะกรรม การคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) เสนอ ครม.ใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ คุมแก๊งเสื้อแดงป่วนเมือง
วันที่ 9 มี.ค. เวลา 10.00 น. “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ยัน สถานการณ์ไม่ถึงขั้นประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แค่ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็เอาอยู่
วันที่ 9 มี.ค. เวลา 12.00 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และให้ภาคประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อการบิดเบือนข่าวสาร และต่อต้านหยุดยั้งเหตุ
วันที่ 9 มี.ค. เวลา 16.30 น. ครม.อนุมัติใช้ กม.มั่นคง ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล รวม 7 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี นครปฐม ฉะเชิงเทรา อยุธยา ปทุมธานี สมุทรปราการ และ สมุทรสาคร เพื่อใช้ควบคุมดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงถ่อย 13 วันรวด ระหว่าง 11 -23 มี.ค.
วันที่ 9 มี.ค. เวลา 21.00 น. มีข่าวลือนายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) น.ส.พินทองทา ชินวัตร (เอม) และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) บุตรชายและบุตรสาวของ “ทักษิณ” เตรียมเผ่นออกนอกประเทศในวันที่ 10 มี.ค. ก่อนปฏิบัติการ “แดงนรก” ถล่มเมือง พีอาร์ “ฮาวคัม” ยอมรับไปร่วมงานไอทีวีเบอร์ลิน 2010 ที่เยอรมนี โดยสายการบินสวิสแอร์ไลน์
วันที่ 10 มี.ค. เวลา 11.00 น. "เทพเทือก" ถก ศอ.รส.กำหนดแผนรับมือม็อบแดงป่วนเมือง ยอมรับลูกเมีย “นช.แม้ว” เผ่นไปนอกส่งสัญญาณอันตราย พบจ้องบึ้มสถานที่ราชการสำคัญ พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ปูพรมตรวจค้นอาวุธป้องกันเหตุร้าย
วันที่ 10 มี.ค. เวลา 12.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทวีตบรรดาลูก ๆ บินไปเยอรมันเพื่อดูนิทรรศการเรื่องโรงแรม อ้างได้จองกันไว้ล่วงหน้านานแล้ว ซึ่งหลังเสร็จงานจะมาเยี่ยมตนเอง เนื่องจากไม่ได้พบกันนาน
วันที่ 10 มี.ค. เวลา 17.30 น. มีรายงานข่าวว่า คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร หรือ คุณหญิงอ้อ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) จะเดินทางไปฮ่องกง หลังศาลฎีกา ได้มีหนังสือถึง ผบช.สตม. โดยระบุว่า คดีที่คุณหญิงพจมาน ตกเป็นจำเลยในคดีของศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น บัดนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอให้ถอนรายชื่อคุณหญิงพจมาน ออกจากรายชื่อบุคคลต้องห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
วันที่ 10 มี.ค. เวลา 18.00 น. ขบวนรถ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะสื่อมวลชนถูกรถตู้หมายเลขทะเบียน ฮจ 1056 กทม. วิ่งประกบและได้ขับแทรกเข้ามาในขบวนระหว่างรถของทีมรักษาความปลอดภัยนายกฯ กับขบวนรถผู้สื่อข่าว แต่ถูกเบียนออกไป ซึ่งรถตู้คนเดิมยังวนเวียนพยายามแทรกอีกรอบแต่ทำไม่สำเร็จ โดยจากการตรวจสอบพบรถลึกลับมีไฟเลนอยู่ด้านหน้าและใช้วิทยุสื่อสารตลอด แต่สุดท้าย หลังการตรวจสอบ รถตู้เป็นของรองผู้ว่า กทม.
วันที่ 11 มี.ค. บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันแรก หลังรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีทหารจำนวน 300 นาย จากกองบัญชาการรบพิเศษ จ.ลพบุรี เข้าไปเตรียมพร้อมอาวุธ เครื่องกีดขวาง ที่จะนำไปใช้ในการสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม และได้จัดกำลังเข้าประจำตามจุดต่าง ๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยโดยรอบทำเนียบรัฐบาล รวม 4 จุด จุดละ 5-7 นาย ที่บริเวณแยกสวนมิสักวัน แยกสะพานมัฆวานฯ แยกเทวกรรมตลาดนางเลิ้ง และด้านหน้าพณิชยการพระนคร
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อขอความอนุเคราะห์ดูแลรักษาความปลอดภัย บ้านพระอาทิตย์ และบ้านเจ้าพระยา หวั่นเสื้อแดงชุมนุม ก่อเหตุร้าย ขณะที่ "วิชัย สังข์ประไพ" จัดกำลังตำรวจท้องที่ และกำลังปจ.ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งให้นำรถประชาสัมพันธ์ รถเครื่องขยายเสียง รถตู้ขนกำลังพล รถน้ำดับเพลิงขนาดใหญ่ และรถเคลื่อนปั่นไฟมาสำรองไว้ หากผู้ชุมนุมปิดล้อมตัดน้ำตัดไฟปิดล้อมหน้า บช.น. มาจอดเรียงรายไว้พร้อมใช้งาน โดยเคลียร์พื้นที่จอดรถให้เป็นที่จอดรถขนอุปกรณ์ในการป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และใช้พื้นที่ขนส่งเสบียงอาหารข้าวกล่อง และน้ำดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดการก่อม็อบเสื้อแดงจะเสร็จสิ้น
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ส่งพนักงานสอบสวน 150 นาย ดาวกระจายครอบคลุมพื้นที่เสื้อแดงชุมนุม 24 ชั่วโมง เน้นบันทึกภาพ-เสียง คำปราศรัยยุยง ปลุกปั่นให้ประชาชนใช้ความรุนแรง ชี้ ถ้ามีวิดีโอลิ้งค์จากต่างประเทศ ต้องเก็บเป็นหลักฐาน และส่งรายงานให้ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าแต่ละ บก.น. ทุก 2 ชม. ขู่ใครพูดฝ่าฝืนกฎหมายจะออกหมายจับทันที
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 14.30 น. นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า มีความห่วงใยต่อการเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ที่จะนำบ้านเมืองไปสู่วิกฤตอีกครั้ง มีการส่งสัญญาณว่าจะนำไปสู่การเตรียมการวินาศกรรม นำไปสู่การเผชิญหน้าของคนไทย สนับสนุนให้คนทำผิด ปลุกระดมผ่านเครือข่ายวิทยุขุมชุม ส่งสัญญาณถึงการลอบวางเพลิง โดย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ประกาศว่าน้ำมัน 1 ล้านลิตร จะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นทะเลเพลิง ส่งเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณโดยตรงที่ต้องการสร้างการจลาจล หลังวันที่ 12 มี.ค. คือ ระหว่างวันที่ 13-14 มี.ค. มีความเปราะบาง อาจจะมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ มีแนวโน้มที่จะมีการสร้างสถานการณ์จากคน 5 กลุ่ม ซึ่งเป็นเครือข่ายคนมีสีและเป็นอดีตคนมีสี โดยมีเป้าหมายก่อเหตุยั่วยุให้ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
วันที่ 11 มี.ค. เวลา 16.30 น. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.บช.น. ฐานะโฆษกบช.น. เผยได้เตรียมกำลังตำรวจ 10,000 นาย และกำลังทหาร 30,000 นาย ดูและพื้นที่กทม.ทั้งหมด รวมถึงปริมณฑล รับมือม็อบแดง วันที่ 12 มี.ค. นี้
วันที่ 12 มี.ค. เวลา 09.00 น. "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เผยหลังจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมา 24 ชั่วโมง เหตุการณ์ยังคงปกติ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะมีการเคลื่อนไหวภายในวันนี้ (12 มี.ค.) โดยรัฐบาลยืนยันจะดูแลสถานการณ์และประชาชนให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติ และให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า จะไม่เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง แนะประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก เพราะเป้าหมายของกลุ่มผู้ชุมนุมคือ สถานที่ราชการไม่ใช่บ้านเรือนของประชาชน
ความคุกรุ่นในกระแสของความรุนแรงจาก “ม็อบแดงนรก” ที่นัดดีเดย์ วันที่ 12 มี.ค. เวลาเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจและกองกำลังทหารจากทุกฝ่ายได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์กันอย่างเต็มที่ ซึ่งเสื้อแดงเปิดหน้าไพ่เอาประเทศเป็นเดิมพัน กับการแสดงถึงความซื่อสัตย์ รักภักดี และชำระแค้น ให้ “พ่อแม้ว” จะสามารถล้มกระดานช่วยให้ “นักโทษชายหนีคดี และยังถูกยึดทรัพย์จากที่โกงชาติไปกลับคืนแผ่นดินได้เพียง 4.6 หมื่นล้าน ได้หรือไม่ ความแรงกระเพื่อมรอเวลาปะทุกับความบ้าเลือดที่จะออกมาสร้างความหายนะต่อประเทศได้มากน้อยแค่ไหน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ฐานะนายกรัฐมนตรีจะรับมือไหวหรือไม่ ด้านความมั่นคงต่าง ๆ จะปกป้องประเทศไม่ให้คนไทยด้วยกันมารุกรานได้หรือไม่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดนาทีต่อนาที!!!