xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้อง “ธรรมรักษ์” ติดสินบน กกต.แก้ไขข้อมูลจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ) พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
อัยการยื่นฟ้อง “บิ๊กแอ๊ด” ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม-รอง หน.พรรคไทยรักไทย ติดสินบน จนท.กกต.ตัดต่อพันธุกรรม แก้ไขข้อมูลนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้พรรคเล็กมีสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้ง หนีเกณฑ์ร้อยละ 20 ศาลนัดสอบคำให้การ 21 มิ.ย.นี้

วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายอมรวิทย์ สุวรรณผา เจ้าพนักงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน เป็นผู้ใช้เจ้าพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในหน้าที่ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของเพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.6, 11 ป.อาญา ม.33, 83 และ 84

ฟ้องโจทก์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 2-7 มี.ค.2549 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 ได้บังอาจร่วมกับนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย ผอ.เลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทยนายสุขสันต์ หรือจตุชัย ชัยเทศ และ นายชวการ หรือ กรกฤต โตสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพัฒนาชาติไทย เขตเลือกตั้งที่ 29 กทม.ซึ่งทั้ง 3 ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง จ้างวานให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน กกต. มีหน้าที่รับผิดชอบการบันทึกข้อมูลในฐานข้อมูลนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ทำการตัดต่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย ซึ่งไม่มีสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้งเนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 90 วัน แล้วนำชื่อสกุลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยคนใหม่มาใส่ชื่อแทน หรือที่เรียกว่าวิธีตัดต่อพันธุกรรมซึ่งมีจำนวน 61 คน ลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 เมษายน 2549 แข่งขันกับผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย ในเขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครไทยรักไทยเพียงพรรคเดียว เพื่อหลีกเกณฑ์กรณีที่มีผู้สมัครพรรคเดียวต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่จะทำให้ได้จำนวน ส.ส.เพียงพอต่อการที่พรรคไทยรักไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศไทย โดยจำเลยที่ 1 มอบเงินจำนวน 30,000 บาท ให้กับจำเลยที่ 2 เพื่อกระทำการอันมิชอบดังกล่าว ต่อมาศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทยทั้ง 61 คน ที่ขาดคุณสมบัติดังกล่าว

การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ต่อมาอัยการสูงสุดได้ยื่นคำร้องต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยและพรรคพัฒนาชาติไทยแล้ว จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งสองตามความผิดและริบของกลางเงินสด 30,000 บาท

ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลยวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ภายหลัง พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับคดี และปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเรื่องการสถานการณ์บ้านเมือง โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ก็รู้สึกเป็นห่วงการชุมนุมของเสื้อแดงที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 12 มี.ค.นี้ เช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น