xs
xsm
sm
md
lg

“พัลลภ” หิ้วพยานยุบ ทรท.แถลงกลับลำ อ้างถูก"เทพเทือก"จ้าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พัลลภ” นำ 2 พยานปากสำคัญคดียุบพรรคไทยรักไทย แถลงกลับลำ อ้าง “สุเทพ” จ้างคนละ 15 ล้าน ปรักปรำไทยรักไทยจ้างวานพรรคเล็ก ชี้ ถูกหักหลัง บิดพลิ้วสัญญา ฟางเส้นสุดท้ายถูกดำเนินคดีแล้วไม่ช่วย ลั่นถ้าติดคุกแล้วถูกกระทืบตาย คือ ฝีมือผู้มีอำนาจรัฐตอนนี้ เตรียมงัดหลักฐานการโอนเงินแถลงอีกรอบสัปดาห์หน้า ปฏิเสธตามธรรมเนียมไม่เกี่ยวระเบิดการชุมนุมพันธมิตรฯ

วันนี้ (16 พ.ย.) ที่ รร.เรดิสัน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตรอง ผอ.รมน. พร้อมด้วย พล.ต.ต.มณเทียร ประทีปวณิช ได้นำพยาน 2 ราย ที่เคยให้การต่อตุลาการรัฐธรรมนูญคดียุบพรรคไทยรักไทย ข้อหาจ้างวานพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง 2 เม.ย.2549 คือ นายสุขสันต์ ชัยเทศ ผอ.พรรคพัฒนาชาติไทย และ นายชวการ โตสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพัฒนาชาติไทย มาแถลงข่าวเบื้องหลังคดียุบพรรคไทยรักไทย โดย พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า การแถลงข่าววันนี้จะเป็นการเปิดโปงข้อเท็จจริงคืนความเป็นธรรม ให้กับพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน พยาน 2 ปากนี้ได้ให้การเท็จต่อศาล แต่วันนี้ทั้ง 2 คนสำนึกผิด มาบอกความจริงกับตน ยอมเปิดเผยความจริงต่อสังคมแม้จะต้องติดคุกหรือตาย

การจ้างวานพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งประกบในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงเงื่อนไขลงสมัครพรรคเดียวแต่ต้องได้คะแนนเกินร้อยละ 20 หลังจากที่ 3 พรรคการเมือง คือ พรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย และ มหาชน บอยคอตการเลือกตั้ง โดยพยานทั้ง 2 ให้การกับ กกต. ตุลาการรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.กล่าวหาว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ จ่ายเงินให้ลงเลือกตั้งแข่งกับพรรคไทยรักไทย แต่ข้อเท็จจริง คือ พรรคพัฒนาชาติไทย ได้ไปร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ กกต.แก้ไขฐานข้อมูล เรื่องการสมัครเป็นสมาชิกพรรคเกิน 90 วัน ปรากฏว่า พรรคประชาธิปัตย์จับได้ จากนั้นทำการข่มขู่ ชักจูง จ้างวานให้การเท็จว่าพรรคไทยรักไทยจ้างวาน มิฉะนั้น จะจัดการดำเนินคดีฐานแก้ข้อมูลเลือกตั้ง พยานทั้ง 2 รายจึงตกอยู่ในสภาวะจำยอม ถึงวันนี้พยานทั้ง 2 ราย กำลังจะถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีในข้อหาแก้ไขข้อมูล เท่ากับว่ากำลังถูกหักหลัง จึงมาหาตนเพื่อทำการเปิดโปงกระบวนการนี้

นายสุขสันต์ กล่าวว่า รู้สึกสำนึกผิดและกราบขอโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน ตามที่ตนให้การจนเป็นเหตุให้ตุลาการรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทยนั้น ตนกับนายชวการได้ให้การเท็จ เพราะผู้จ้างวานที่แท้จริงคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดยเมื่อวันที่ 4 มี.ค.2549 มีคนที่รู้จักดีมาพบที่ รร.กาญมณี บอกว่า ถ้าอยากได้เงินให้นำหัวหน้าพรรคเล็กไปพบนายสุเทพ ต่อมาวันที่ 15 มี.ค.ตนกับนายชวการไปพบนายสุเทพที่พรรคประชาธิปัตย์ เวลา 4 ทุ่มกว่า โดยคนที่พาไป คือ คนเดิม โดย นายสุเทพ บอกว่า ให้แถลงข่าวว่าพรรคไทยรักไทยเป็นคนจ้างวานให้ลงเลือกตั้ง และมีเงื่อนไขให้ว่านายสุเทพจะดูแลความปลอดภัยตนและครอบครัว รวมทั้งคดีความต่างๆ ทั้งหมด พร้อมทั้งให้ค่าจ้างคนละ 15 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังบอกว่า จะให้เป็น ส.ส.ครั้งหน้า หรือมีตำแหน่งทางการเมือง หากได้เป็นรัฐบาล พร้อมยื่นคำขาดว่าถ้าไม่ร่วมมือจะถูกดำเนินคดีข้อหาปลอมแปลงเอกสาร เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้ไปแจ้งความไว้แล้ว พร้อมทั้งนำเอกสารมาให้ดูเป็นการข่มขู่

“ยอมรับว่า ได้ไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ กกต.คนหนึ่งแก้ไขฐานข้อมูลจริง ผมกับนายชวการไม่มีทางเลือก จึงยินยอมด้วยความจำเป็น แต่บอกว่าขอไปคุยกับ นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทยที่บ้านก่อน นายสุเทพบอกว่าไม่ต้อง แต่เมื่อผมยืนกรานจะไปพบนายสุเทพก็ขอไปด้วยกันเลย เมื่อไปถึงบ้านนายบุญทวีศักดิ์ซึ่งเป็นเวลาตี 2 คุยกันจนถึงตี 4 โดยไปคุยกันบนรถตู้ ซึ่งผมกับนายชวการก็อยู่ด้วย นายสุเทพ ก็บอกว่า ผมกับนายชวการตกลงร่วมมือด้วยแล้ว อย่างไรก็ตามนายบุญทวีศักดิ์บอกว่าขอคิดดูก่อนพรุ่งนี้เช้าจะให้คำตอบ จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายบุญทวีศักดิ์ได้อีก วันที่ 18 มีนาคม ได้มีการนัดหมายให้ผมไปแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมจ่ายเงินให้คนละ 1 ล้านบาท บอกให้แถลงว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นผู้จ้างวาน จากนั้น นายสุเทพ ได้ให้คนมารับไปพักที่ จ.สุราษฎร์ธานี และถูกควบคุมตัวไว้ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนไปให้การต่อตุลาการรัฐธรรมนูญ ขณะนั้นจึงไม่สามารถให้การอย่างอื่นใดได้เลย วันนี้ไม่ได้เงิน ไม่ได้ตำแหน่งไม่เป็นไร แต่ผมต้องถูกดำเนินคดี ถูกหักหลัง จึงยอมไม่ได้ ต้องออกมาพูดความจริงต่อสังคม”

นายชวการ กล่าวว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 เมื่อปรากฏว่าพรรคการเมืองบอยคอตไป 3 พรรค และพบว่า คนภาคใต้ไม่เอาพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทยจึงเห็นโอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้ง จึงดำเนินการเองโดยลำพัง ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคไทยรักไทย หรือพรรคใดๆ แต่เมื่อถูกจับได้ว่าไปแก้ไขฐานข้อมูล จึงทำให้เกิดเรื่อง และพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวน 7 หลัก นัดหมายให้ไปพบนายสุเทพในคืนวันที 15 มี.ค.ตอนแรกคิดว่า พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนภายใต้กติกาเลือกตั้งปกติ แต่ไม่ใช่ เป้าหมายคือให้เชื่อมโยงใครก็ได้ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เพื่อนำไปสู่การยุบพรรค มุ่งหวังให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาล กระบวนการต่างๆ จึงเริ่มขึ้น มีการเดินทางไปพบหัวหน้าพรรค เสนอค่าตอบแทน เชื่อมโยงว่าทำการวางแผนร่วมกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ หรือเรียกว่ากระบวนการตัดต่อพันธุกรรม ภาพที่ออกมาเป็นข่าวคือการตัดต่อ ยืนยันว่าไม่เคยรับเงินจาก พล.อ.ธรรมรักษ์ เลย หลังจากมีการยุบพรรคไทยรักไทยตนก็อยู่อย่างลำบากไม่ได้รับการเหลียวแล

“เขาได้ขอร้องให้เราทำบอกว่า ทำเพื่อชาติเถอะ ทำให้พ้นวิกฤต แต่มันเป็นการแก้วิกฤตที่สกปรก บิดเบือน ให้การเท็จ เสริมแต่ง ทำให้ข้อเท็จจริงเบี่ยงเบน ถือเป็นความไม่ถูกต้อง ตอนนี้คนที่ช่วยชาติกำลังจะติดคุก ผมจำเป็นต้องออกมาบอกให้สังคมรู้ว่าเป็นกระบวนการที่ไร้จริยธรรมของนักการเมืองผู้มีอำนาจในตอนนี้ โดยสมรู้ร่วมคิดกับนักการเมืองอีสานบางคน และทหารบางกลุ่ม เขาชี้แจงว่าถ้ายุบพรรคจะไม่มีการตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค แต่มันไม่ใช่ เรื่องนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องแน่นอน ถามหน่อยว่าไปแถลงข่าวในพรรคจะไม่รู้กันเลยหรือว่ามันคืออะไร นี่คือ ยุทธวิธีเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล เสร็จภารกิจเอามันไปไว้ไกลๆ อย่าอยู่ใกล้ๆ เอามันไปติดคุกซะ หลังถูกแจ้งข้อกล่าวหา ก็พยายามติดต่อนายสุเทพ โทร.หาก็ไม่รับ และมีการส่งทนายอาสามาให้ แล้วให้การมัดตัวเองเบ็ดเสร็จ สุดท้ายก็ถูกฆ่าทิ้ง ในเมื่อจะติดคุกแล้วก็ขอมาบอกข้อเท็จจริง ผมมาแถลงข่าววันนี้ไม่รู้ว่าจะถูกพรรคประชาธิปัตย์ฟ้องร้องอีกกี่คดี ถ้าวันใดวันหนึ่งผมประกันตัวไม่ได้ หรือถูกกระทืบตายในคุก ก็คือผู้มีอำนาจรัฐขณะนี้ เพราะผมมีศัตรูเพียงกลุ่มเดียว ผมยอมรับว่ามีส่วนผิด แต่ตัวการต้องผิดด้วย ต้องรับโทษด้วย กราบขอโทษอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยทุกคน ที่ทำให้ท่านได้รับผลกระทบ และอยากให้อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยทั้งหมดออกมาทวงความเป็นธรรมจากระบบที่ถูกบิดเบือนมาตลอด”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าสิ่งที่แถลงเป็นเรื่องจริง ไม่มีการรับเงินมาแถลงข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงอีก นายชวการ ตอบว่า ขอยืนยัน วันนี้มาแถลงข่าวในฐานะที่รู้ตัวว่าอาจจะต้องติดคุกแล้ว เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวการตอบว่า เรื่องยุบพรรคไม่รู้ ตนเป็นผู้น้อยคงทำอะไรไม่ได้ แต่เรื่องหลักฐานมีอยู่แน่นอน เหตุที่มาพูดความจริงวันนี้ เพราะจะต้องถูกดำเนินคดี จะต้องติดคุก ช่วงเกิดเหตุการณ์ตนตกอยู่ในความควบคุมดูแล เหมือนถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว แม้จะกินดี นอนสบายทุกมื้อ แต่ไปไหนไม่ได้เลย รอบบ้านมีตำรวจ 20 กว่านาย 3 เดือนไม่ได้ออกจากห้องเล็กๆ ในโรงแรม ห้ามติดต่อใครเลย แทบจะบ้าตาย

เมื่อถามถึงกระบวนการแก้ไขฐานข้อมูล นายสุขสันต์ ตอบว่า ได้ทำจริงๆ และการเลือกตั้งเมื่อปี 2548 ก็เคยทำมาแล้ว รอบนี้ก็แก้อีก เมื่อโดนจับได้ ก็ถูกพรรคประชาธิปัตย์จับเป็นตัวละครให้เล่นไปตามบท ทั้งนี้มีหลักฐานเป็นการโอนเงินเข้าบัญชี 4-5 ล้านบาท ซึ่งกำลังให้ธนาคารเซ็นรับรองเนื่องจากกลัวหลักฐานหาย กำลังรวบรวมขอเอกสารหลักฐานทั้งหมดจากทางธนาคารเพื่อนำมาแถลงข่าวอีกครั้ง คาดว่า จะเป็นในสัปดาห์หน้า โดยจะทำเป็นแผ่นชาร์ตแจกแจงรายละเอียด และหลักฐานทั้งหมด ส่วนตัวเมื่อทราบว่าจะถูกดำเนินคดีก็พยายามติดต่อนายสุเทพ ขอเข้าพบนายสุเทพ แต่ไม่เป็นผล เลขาฯ ที่ชื่อพรเพ็ญไม่ให้พบ

พล.อ.พัลลภ กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดระหว่างการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย พอเกิดเหตุก็โยนมาหาตนทุกที เมื่อคืนไปกินข้าวมา พอ 2 ทุ่มก็กลับบ้านแล้วไม่ได้ไปไหนเลย ผู้สื่อข่าวถามว่า จะฟ้องร้องนายสนธิที่ออกมากล่าวหาหรือไม่ พล.อ.พัลลภ ตอบว่า ไม่หรอก ตนตั้งข้อสังเกตว่าระเบิดลูกเดียวมันทำไม่ยาก ขนาดคนไปยิงนายสนธิเป็นร้อยๆ นัดยังจับไม่ได้เลย ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ทราบสาเหตุจริงๆ ถ้าหากตนเป็นคนทำแล้วจะบอก เบื้องต้นเหตุภาพในทีวีจึงไม่รู้ว่าคือระเบิดอะไร ถ้าไปดูของจริงจึงจะทราบ

ส่วนที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าตนพูดทำนองว่าหากไทยกัมพูชารบกันไทยจะแพ้ เหมือนหมิ่นประมาททหารนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้พูดแบบนั้น อย่างไรก็ตาม คงไม่ฟ้องร้องอะไร แต่พอจะดูโหงวเฮ้งคนเป็น คนหน้าผากต่ำแบบนั้น อายุไม่ยืนหรอก
 พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี



กำลังโหลดความคิดเห็น