xs
xsm
sm
md
lg

นศ.รามแจ้งจับ รพ.บางมด 1 วินิจฉัยโรคผิดทำตาบอด!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นางลีน่า จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่าจัง พา น.ส.กรศิริ พระศรีรัมย์ อายุ 23 ปี นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุริสทธิ์ ผกก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้อำนวยการ รพ.บางมด 1 แพทย์ผู้ทำการรักษา พยาบาล และนักศึกษาแพทย์ ในความผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
“ลีน่า จัง” ยื่นมือช่วย นศ.รามฯ ฟ้อง รพ.เอกชนชื่อดังวินิจฉัยโรคผิด แพทย์อ้าง สาเหตุจากฟันผุทำให้ติดเชื้อในช่องปากทำให้ตาบวม แค่ให้นอนพักดูอาการ กลับไปรักษาอีกไม่หาย ก่อนถูกส่งให้หมอศิริราชรักษาต่อ สุดท้ายทำให้ตาบอดและต้องควักลูกตาออก

วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองปราบปราม นางลีนา จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่าจัง ได้พา น.ส.กรศิริ พระศรีรัมย์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 11 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุริสทธิ์ ผกก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้อำนวยการ รพ.บางมด 1 แพทย์ผู้ทำการรักษา พยาบาล และนักศึกษาแพทย์ ในความผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หลังจาก น.ส.กรศิริ เข้ารับการรักษาอาการปวดศีรษะที่ รพ.ดังกล่าว แต่แพทย์วินิจฉัยโรคผิด ส่งผลให้ตาขวาบอดและต้องควักลูกตาออก

น.ส.กรศิริ กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2550 ขณะที่ตนยังทำงานอยู่ที่โรงงานถุงพลาสติกย่านบางมด กทม.ได้มีอาการปวดขมับขวาจึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.แห่งนี้ โดยใช้สิทธิประกันสังคม โดยแพทย์ที่รักษาวินิจฉัยว่าสาเหตุมาจากอาการฟันผุ และให้นอนพักดูอาการอยู่ 2 วัน ระหว่างนั้นก็รู้สึกปวดตา แต่พยาบาลกับนักศึกษาแพทย์ได้สลับกัน นำน้ำแข็งและน้ำร้อนมาประคบตาให้ ก่อนที่แพทย์ก็อนุญาตให้กลับได้ ซึ่งตนได้ขอให้ออกใบรับรองแพทย์เนื่องจากต้องเบิกประกันสังคม โดยแพทย์ระบุอาการมาจากโรคฟันผุ ติดเชื้อในช่องปากทำให้ตาบวม แต่หลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกปวดศีรษะมากยิ่งขึ้น จึงตัดสินรีบกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง คราวนี้แพทย์กลับบอกว่าตาขวาตนติดเชื้อรา แต่ก็ไม่รับรักษาให้ก่อนจะส่งตัวไปที่ รพ.ศิริราช กระทั่งเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 แพทย์ได้ตัดสินใจควักดวงตาข้างขวาออก ต่อมาทางผู้อำนวยการ รพ.ดังกล่าวได้โทรศัพท์มาหามารดาตนพร้อมกับแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“หลังจากถูกควักดวงตาข้างขวาออกแล้ว ทางโรงพยาบาลก็มารับตัวกลับแต่ก็ไม่ได้รักษาอาการและใส่ตาเทียมให้จนดวงตาเริ่มอักเสบมีน้ำหนองไหลออกมา จากนั้นทาง รพ.แจ้งว่าจะส่งตัวไปผ่าตัดรักษาที่ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยขอให้ย้ายไปใช้ประกันสังคมที่นั่นแทน แต่หนูกับทางญาติไม่ได้ตอบตกลงและได้เข้าปรึกษากับนางลีน่า ก่อนจะพากันเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทางโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว” น.ส.กรศิริ กล่าว

นางลีน่ากล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นทางผู้เสียหายต้องการจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง แต่เนื่องจากคดีนี้ขาดอายุความไปแล้วจึงดำเนินการไม่ได้ อย่างไรก็ดี หากทางพนักงานสอบสวนรับคดีซึ่งเป็นความผิดทางอาญาก็จะพิจารณาดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งได้ใหม่ โดยส่วนนี้ตนรับปากผู้เสียหายว่าจะดำเนินการให้ทั้งหมดโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.สุกรี สินเย็น พงส.(สบ 2) กก.1 บก.ป.รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว ก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป

ส่วน นพ.ธรภณ ตรีคุณประภา ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.บางมด 1 กล่าวถึงกรรีดังกล่าวว่า ทาง รพ.ยืนยันว่าได้ให้การดูแลรักษา น.ส.กรศิริ อย่างเต็มที่ไม่ได้ละเลยเนื่องจากผู้ป่วยมีอาการของโรคที่ซับซ้อนต้องอาศัยแพทย์ด้านอายุรกรรม แพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่อง หู ตา คอ จมูก และแพทย์อีกหลายกลุ่มมาช่วยทำการรักษา นอกจากนี้ยังปรึกษากับอาจารย์แพทย์ ที่ รพ.ศิริราช ในกรณีของผู้ป่วยรายนี้โดยตลอด มีการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด

นพ.ธรภณ กล่าวต่อว่า การเอ็กซเรย์ตรวจสอบเป็นเพราะอาการปวดศีรษะของผู้ป่วยมีอาการมากขึ้น เราตรวจในหลายๆ จุด เพื่อหาสาเหตุ มีการเอ็กซเรย์อยู่เป็นระยะๆ กระทั่งก่อนส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ศิริราช นั้น อาการของเชื้อราลุกลามเร็วมากเนื่องจากผู้ป่วยมีมีน้ำตาลในเลือดสูง หากไม่ควักตาข้างขวาออกอาจลามไปที่ตาซ้ายและอาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้ แพทย์จึงให้ผู้ป่วยเซ็นชื่อยินยอมให้มีการผ่าเอาดวงตาขวาออกซึ่งการผ่าตัดก็เรียบร้อยดี หลังจากนั้นช่วงปี 2551 ผู้ป่วยก็เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องโดยนอนอยู่ที่ รพ.กว่า 100 วัน จนทางประกันสังคมให้แจ้งเป็นกรณีผู้ป่วยทุพพลภาพ กระทั่งเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา ทาง รพ.ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ป่วยรายนี้อีกเลย

ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.บางมด 1 กล่าวอีกว่า ในระหว่างการรักษาผู้ป่วยรายนี้ รพ.ได้ประสานกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อทำตาเทียมซึ่งก็ดำเนินการให้จนเสร็จสิ้น แต่ทางผู้ป่วยอ้างว่าไม่สวยไม่ถูกใจก็มีการแก้ไขทำเบ้าลูกตาเทียมให้ใหม่สามารถใช้สวมเข้าและถอดออกได้ ตนจึงไม่ทราบว่าผู้ป่วยต้องการเรียกร้องอะไร เนื่องจากการดำเนินการของ รพ.มีหลักฐานยืนยันว่าการรักษาเป็นไปตามขั้นตอน เราทำงานกันเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ดี เมื่อผู้เสียหายแจ้งความในคดีอาญาแล้วก็คงต้องต่อสู้คดีกันตามกระบวนการเพราะคงไม่สามารถถอนแจ้งความได้แล้ว
แพทย์ต้องควักตาของ น.ส.กรศิริ ออก
กำลังโหลดความคิดเห็น