xs
xsm
sm
md
lg

“สัณฐาน” ย้ำตำรวจทุกนายทำตามแผนรับมือม็อบแดง!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ผบช.น.เตรียมความพร้อมรับมือม็อบเสื้อแดง เน้นทำความเข้าใจให้ตำรวจทุกนายร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและความโกลาหล ห้ามหนีหายเอาตัวรอด เตรียมกำลัง 8 พันนายรับสถานการณ์ทุกรูปแบบ มอบ “อำนวย” ส่ง จนท.อัดเทป ถ่ายภาพนิ่ง ดูความเคลื่อนไหวทำผิดกฎหมาย จัดการทันที




วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อม เจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการ เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมี พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายอำนวยการในกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าร่วมประชุมเตรียมความพร้อมด้วย

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า การอบรมวันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหญิงและชาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร เนื่องจากได้มีการประชุมในระดับรอง ผบช.น.มาหลายครั้ง ทำให้พบว่าที่ผ่านมามีปัญหาหลายเรื่อง โดยเฉพาะความไม่พร้อมในเรื่องการเตรียมความพร้อมรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม รวมทั้งความไม่พร้อมในการสนับสนุนกำลังหลักที่ทำงาน ทำให้เกิดความโกลาหลมาก และมีกำลังส่วนใหญ่ที่เอาตัวรอดหลบหายไปไม่มาทำหน้าที่ ทำให้กำลังพลที่อยู่เกิดความรู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบ จึงต้องมาประชุมทำความเข้าใจว่าทุกคนมีภาระหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติที่นี่ ซึ่งในวันนี้ได้สั่งการให้มีการอบรมในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องการดับเพลิง หรือการดูแลพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งในการบัญชาการเหตุการณ์

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวอีกว่า สำหรับการฝึกอบรมในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากสถานการณ์ทางการข่าวที่ไม่ดี แต่เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้ติดกับถนนราชดำเนินกลาง และลานพระบรมรูปทรงม้า ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่บริเวณนี้เป็นหลัก ซึ่งต้องมีผลกระทบต่อ บช.น.อยู่แล้ว เราจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมเพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น กำลังที่อยู่ตรงนี้ต้องเข้มแข็ง ส่วนการคาดโทษตำรวจที่หลบหนีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น ตนได้เน้นย้ำกับพี่น้องตำรวจไปแล้ว แต่ทั้งนี้สังคมตำรวจจะลงโทษเอง

“อย่างไรก็ตาม สำหรับการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมภายในบช.น.นั้น ผมจะอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อสั่งการณ์ และดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ตำรวจ และได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รอง ผบช.น.เป็น ผบ.เหตุการณ์ ที่ บช.น. พร้อมทั้งจะมีการตรวจสอบกำลังพลทุก 3 ชั่วโมง ส่วนการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น ในขั้นตอนแรกได้เตรียมแผนธันวา 52 ทุกจุดตรวจจะเข้มงวดขึ้น ซึ่งพ่อแม่พี่น้องอาจจะได้รับความสะดวกน้อยลงแต่ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย” พล.ต.ท.สัณฐานกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเสร็จสิ้นการอบรมโครงการดังกล่าวจะมีการซักซ้อมการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยฝึกขั้นตอนต่างๆ ในการรักษาฐานที่ตั้งและอพยพบุคคลรวมถึงวัตถุสิ่งของ เอกสารที่สำคัญต่างๆ หากเกิดเหตุร้ายแรง

ทางด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น.เปิดเผยการเตรียมความพร้อมในกรณีที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักรในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและบางอำเภอของพื้นที่ปริมณฑล ว่า ในการรักษาความสงบเรียบร้อยจะมีการปรับรูปแบบ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ หรือผ่านทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน

ดังนั้น ผู้มีหน้าที่ในการดูแลเหตุการณ์ที่ได้รับมอบหมายจากศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ ก็จะเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 โดยจะดูแลในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งกองกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่อยู่ในศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ ที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร หรือเจ้าหน้าที่ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

สำหรับการเตรียมความพร้อมในครั้งนี้ บช.น.ได้เตรียมกำลังไว้ไม่น้อยกว่า 8,000 นาย ในการสนับสนุนการปฏิบัติของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ ซึ่งประกอบด้วยกองร้อยควบคุมฝูงชน จำนวน 41 กองร้อย ส่วนที่เหลือจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจราจรประมาณ 300 นาย ฝ่ายสืบสวน 300 นาย ฝ่ายสอบสวนรวมทั้งฝ่ายเจรจาต่อรอง และอื่นๆ อีก รวมทั้งสิ้นประมาณ 8,000 นาย ซึ่งในเบื้องต้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายและต้องเตรียมการมีอยู่ 4-5 ภารกิจ แต่อาจจะมีเพิ่มเติมแล้วแต่คำสั่งที่ได้รับ ภารกิจแรก คือ การรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยทั่วไป 2.การป้องกันการปะทะกันของกลุ่มมวลชนขที่มีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายอื่นๆด้วย

“ภารกิจที่ 3 เป็นการป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดหมาย มีผู้ก่อกวนหรือมือที่สาม หรือการแก้ไขปัญหาการปิดเส้นทางการจราจร และภารกิจสุดท้าย คือ การจัดทำมวลชนสร้างความเข้าใจในการเข้าร่วมชุมนุมของกลุ่มมวลชน ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ต่างๆ สำหรับภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อย หากแบ่งย่อยเป็นหน้าที่ของตำรวจ จะประกอบด้วย 1.หน้าที่ในการตรวจตราอาวุธต่างๆ ตามเส้นทาง การเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ทั้ง 9 เส้นทาง 2.การรักษาความปลอดภัยบริเวณจุดที่มีการชุมนุม 6 จุด ซึ่งทางแกนนำ นปช.จะเริ่มต้นการชุมนุมกันในวันที่ 12 ไม่ว่าจะเป็นบริเวณอนุสาวรีย์ฯ บางเขน หน้าสน.ทุ่งสองห้อง สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น แยกบางนา วงเวียนใหญ่ และหน้าสวนลุมพินี ในการดูแลตรงนี้จะเป็นกำลังของตำรวจไม่ใช่ทหาร โดยจุดนี้ทางผบช.น.ได้มอบหมายให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาลพื้นที่เป็นผู้ดูแล” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า การดูแลพื้นที่ชุมนุมขนาดใหญ่ตั้งแต่สนามหลวง ราชดำเนิน และลานพระบรมรูปทรงม้า จะอยู่ในแผนหลักของการดูแลความปลอดภัยทั้งหมด เฉพาะในพื้นที่จุดนี้บช.น.ได้มีการร้องขอกำลังเพิ่มเติมจากตำรวจภูธร 1,2,7 บชก.และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลมาร่วมด้วย

ส่วนในด้านการแก้ไขปัญหาจราจร ผบช.น.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น.ดูแลฝ่ายจราจร เป็นผู้ดูแล ส่วนการสอบสวน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ได้จัดเตรียมพนักงานสอบสวนเอาไว้เพื่อควบคุม รวมทั้งขั้นตอนต่างๆในการถอดเทป บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ได้จัดเป็นชุดปฏิบัติการเอาไว้หลายชุดเพื่อดูแลในพื้นที่ต่างๆ และพร้อมที่จะดำเนินคดีหากมีการฝ่าฝืนข้อกฏหมาย

สำหรับฝ่ายกิจการพิเศษการดูแลพระราชวังและพระตำหนักต่าง ๆ หรือเส้นทางเสด็จต่าง ๆ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนโครงการที่ผบช.น.ได้เปิดอบรมเป็นการเตีรยมความพร้อมในการรักษาฐานที่ตั้ง ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษาความสงบ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รองผบช.น.และผบก.อก.เป็นผู้ดูแล

นอกเหนือจากการที่มีกำลังของกองร้อยควบคุมฝูงชนดูแลพื้นที่โดยรอบแล้ว ยังเพิ่มเติมโดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในฝ่ายอำนวยการทั้งหมดได้มีส่วนร่วมในการดูแลที่ตั้งตัวเองไว้ด้วย เพื่อเตรีมความพร้อม

ส่วนการสื่อสารและการบังคับบัญชาอื่นๆ ในส่วนของศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาลก็จะขึ้นตรงกับศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงของกองทัพภาคที่ 1 โดยหลังจากที่มีการประกาศในบ่ายวันนี้ทางผบช.น.ได้มอบหมายให้ฝ่ายอำนวยการและทีมบริหารกิจการของบช.น.ไปประสานงานและรับนโยบายมาร่วมปฏิบัติ
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.
ฝึกอบรมเตรียมความพร้อม เจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการ เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

กำลังโหลดความคิดเห็น