xs
xsm
sm
md
lg

"ทักษิณ"มีสิทธิ์กลับไทยแค่เพียงเถ้ากระดูก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นช.ทักษิณ ชินวัตร
"โปรดหยุดรังควานผมได้แล้ว พูดกับผมในฐานะเป็นคนไทยด้วยกัน และบอกผมด้วยว่าผมสามารถทำอะไรได้บ้าง ผมคิดว่าผมยังสามารถทำคุณประโยชน์มากมายให้กับประเทศไทย ผมไม่ต้องการตายขณะลี้ภัยอยู่ในต่างแดน ไม่ต้องการกลับประเทศไทยเพียงกระดูก ดังนั้น โปรดเข้าใจด้วยว่าผมจะกลับขณะยังมีชีวิตอยู่ แต่ต้องการกลับในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่ได้รับการเข้าอกเข้าใจ"

นั่นคือคำอ้อนวอนของ "นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร" ที่ได้บันทึกวิดีโอเทปความยาวราว 1 ชั่วโมง และถูกนำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ของผู้สนับสนุน เมื่อวันพุธที่ 24 ก.พ.2553 ก่อนวันพิพากษายึดทรัพย์เพียง 2 วัน โดยที่ "ทักษิณ" ได้ร้องขอความเห็นใจ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก แต่เขากลับไม่ได้สำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้กับบ้านเกิดเมืองนอน แม้แต่สักนิดเดียว มิหนำซ้ำ กลับหลงตนเองว่า เขายังสามารถกลับมาทำคุณประโยชน์มากมายให้กับประเทศไทยได้อีก!

คำถามว่า "ทักษิณ" ก่อนวันพิพากษา กับ "ทักษิณ" หลังวันพิพากษา ประชาชน ฝ่ายรัก และ ฝ่ายเกลียด ฝ่ายไหนจะมากกว่ากัน เพราะหากย้อนไปตรวจสอบในคำพิพากษา ก็จะรู้ซึ้งว่า "ทักษิณ ชินวัตร" และครอบครัว เขามีกระบวนการโครตโกงกันอย่างไร

โดยผลแห่งคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่พิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ให้ตกเป็นของแผนดิน ได้สรุปตอนท้ายในแต่ละประเด็นข้อกล่าวหา ไว้ชนิด ชัด ยิ่ง กว่าชัด

เริ่มจากกรณีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต องค์คณะผู้พิพากษามีความเห็นด้วยเสียงข้างมากว่า เป็นการดำเนินการที่เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท เอไอเอส

กรณีการแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ องค์คณะผู้พิพากษามีมติด้วยเสียงข้างมากว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับประโยชน์จากกรณีดังกล่าว

กรณีการละเว้นอนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุนกิจการดาวเทียม ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศโดยมิชอบหลายกรณี เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัท ชินคอร์ป และกิจการของครอบครังของผู้ถูกกล่าวหา องค์คณะผู้พิพากษามีมติด้วยเสียงข้างมากว่า การอนุมัติให้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทชินคอร์ปในบริษัทไทยคม จึงเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินคอร์ป และบริษัทไทยคม ผู้รับสัมปทานจากรัฐ โดยไม่สมควร

กรณีอนุมัติให้รัฐบาลสหภาพพม่ากู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปซื้อสินค้าและบริการของบริษัทไทยคมโดยเฉพาะ องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า การดำเนินการในกรณีนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทไทยคม และบริษัท ชินคอร์ป

ดังนั้นข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า การดำเนินการทั้ง 5 กรณีดังกล่าวเป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่นายกรัฐมนตรีของผู้ถูกกล่าวหา องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของบริษัท ชินคอร์ป ตามคำร้อง องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า ทรัพย์สินที่ต้องตกเป็นของแผ่นดินคงมีเฉพาะเงินปันผลค่าหุ้น จำนวน 6,898,722,129 บาท และเงินที่ได้จากการขายหุ้นหลังหักราคาหุ้นที่มีอยู่เดิมแล้ว จำนวน 39,474,965,325.70 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 46,373,687,454.74 บาท พร้อมดอกผลของเงินจำนวนดังกล่าว

อย่างไรก็ตามสำหรับความผิดของ"ทักษิณ"ถือว่ายังไม่จบลงแค่นั้น แต่คดีความของเขา มีหลายคดี ทั้งที่สำเร็จโทษแล้ว และรอการสำเร็จโทษ เริ่มจากคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ถือเป็นคดีแรกที่สิ้นสุดไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2551 เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา จำคุก 2 ปี ทักษิณ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.กรณีปล่อยให้คุณหญิงพจมาน ภริยาเข้าเป็นคู่สัญญาประมูลซื้อที่ดิน 33 ไร่ ย่าน ถ.รัชดาฯ จากกองทุน เพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ได้ในราคา 772 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อขายที่ดินที่ต่ำกว่าราคาประเมิน ซึ่งทำให้ชื่อของ ทักษิณ ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ถูกพิพากษาจำคุกจากการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ แต่เมื่อ"ทักษิณ" ต้องหนีโทษจำคุกจากแผ่นดินไทย ส่งผลให้คดีทุจริตอีกมากมาย ต้องหยุดชะงัก ศาลฎีกาฯ ต้องจำหน่ายคดีไว้เป็นการชั่วคราว ประกอบด้วย

คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว “หวยบนดิน” ซึ่ง คตส.ได้ยื่นฟ้อง ทักษิณ ครม. และผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวม 47 คน เป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ(แม้พิพากษาแล้ว แต่สำหรับตัว"ทักษิณ"อยู่ระหว่างรอตัวมาดำเนินคดี)

คดีทุจริตแปลงค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัท ชินคอร์ป ทำให้รัฐเสียหายกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ทักษิณ เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ.2542

คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ 4,000 ล้านบาท ให้กับรัฐบาลพม่า เพื่อดำเนินโครงการจัดซื้ออุปกรณ์กิจการโทรคมนาคมจาก บริษัทในเครือชินคอร์ป ของครอบครัวชินวัตร ซึ่ง ทักษิณ เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการดูแลกิจการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157

จากบทสรุปคดีความ...แน่นอน "ทักษิณ" วันนี้ คือ ทักษิณ ผู้กระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาล ใน 2 คดี คือติดคุกทุจริตซื้อที่ดินรัชดา และ ถูกยึดทรัพย์ ในคดีร่ำรวยผิดปกติ โดยมีโทษทางอาญาอยู่ในศาล รอฟ้องศาล และรอรื้อฟื้นคดีตามผลแห่งคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ที่เปิดช่องเอาผิดไว้ ดังนั้น สำหรับชีวิตของคนโกงชาติ โกงเมืองที่ชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" มีโอกาสสูงที่จะตายขณะลี้ภัยอยู่ในต่างแดน และกลับไทยแค่เพียงเถ้ากระดูก!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น