“อัยการสูงสุด” สั่งการอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ตรวจรายละเอียดคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ทักษิณ สรุปเรื่องรอดำเนินคดีอีก ระบุหลายเรื่องศาลวินิจฉัยอยู่ในมือ ป.ป.ช.แล้ว ส่วนเรื่องที่ยังไม่สรุปความผิดต้องหารือหน่วยงานสอบสวนที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (1 มี.ค.) นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เปิดเผยถึงการติดตามดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้อัยการดำเนินการภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดียึดทรัพย์ว่า ตนได้มอบหมายให้นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการคดีพิเศษ รับผิดชอบในการนำคำพิพากษาฉบับเต็มของศาลฎีกา ฯ มาตรวจพิจารณาประเด็นต่างๆ ที่ศาลมีคำวินิจฉัยไว้ เพื่อสรุปว่ามีเรื่องใดบ้างที่มีพฤติการณ์กระทำผิด
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ศาลวินิจฉัยมีหลายเรื่องที่อยู่ในมือของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้วหลังจากที่ คตส.หมดวาระการปฏิบัติหน้าที่ได้ส่งมอบสำนวนต่อให้ ป.ป.ช. ก็ต้องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่และขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ขณะที่คำพิพากษาของศาลพบว่ามีบางเรื่องที่วินิจฉัยไว้ว่าเป็นเพียงเรื่องที่ไม่พึงกระทำ ดังนั้น อัยการต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าหากเรื่องใดพบว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าจะกระทำผิด ต้องหารือกับหน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้างในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี ทั้งนี้หากเรื่องต่างๆ ได้มีการดำเนินตามขั้นตอนสอบสวนสรุปสำนวนแล้ว ก็จะต้องส่งสำนวนพร้อมความเห็นมาให้อัยการพิจารณาสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่ ตามขั้นตอนต่อไป ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับภาษี ต้องเป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรที่จะพิจารณาต่อไป
ด้าน นายกิตติพร อรุณรัตน์ ทนายความของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยื่นอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ ว่า ขณะนี้ยังต้องรอคัดสำเนาคำพิพากษาฉบับเต็มจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งคาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้น่าจะได้รับเอกสารทั้งหมด ซึ่งทีมทนายความต้องนำมาวิเคราะห์เหตุผลที่ศาลฎีกา ฯ วินิจฉัยแต่ละประเด็น โดยมีเวลา 30 วันในการดำเนินการ แต่หากไม่ทันก็อาจต้องขอศาลขยายเวลา
“แม้การอุทธรณ์จะไม่ง่าย แต่เราก็จะดำเนินการทุกวีถีทางที่เรามีสิทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งประเด็นหลักของนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ที่ชี้ให้เห็นคือ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้นอย่างแท้จริง”ทนายความระบุ
ทั้งนี้นายกิตติพร ทนายความ ยังกล่าวปฏิเสธกรณีที่มีข่าวระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 1 ใน 5 ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากที่ศาลฎีกา ฯ สั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินถูกอายัดบัญชีเงินฝากอีกกว่า 6,000 ล้านบาทว่า เท่าที่ทราบไม่มีการอายัดบัญชีอีก เพราะ คตส. ได้มีคำสั่งอายัดไว้แล้วในคดียึดทรัพย์นี้ ซึ่งขณะนี้บัญชีของ พ.ต.ท.ทักษิณ คุณหญิงพจมาน นายพานทองแท้ น.ส.พินทองทา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายบรรณพจน์ ผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านคดียึดทรัพย์ที่ 1-5 ยังคงอยู่นิ่งในธนาคารแต่ละแห่ง โดยรอเริ่มกระบวนการบังคับคดีตามคำสั่งศาลฎีกา ฯ ที่ให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินซึ่งจะตามขั้นตอนต้องมีการแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการ